'รัชฎา' ฟ้องกลับ 7 จนท. รวม 'ชัยวัฒน์' ชี้ถูกจัดฉากกลั่นแกล้ง

คืบหน้าคดีอดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ถูกวางแผนจับฐานเรียกรับสินบนในการแต่งตั้งโยกย้ายเจ้าหน้าที่ในสังกัดไม่เป็นธรรมปรากฎว่า ล่าสุด นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา ได้ยื่นฟ้องกลับ ผู้บังคับการตำรวจป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ พร้อมพวกรวม 7 คน ซึ่งรวมถึงนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี

โดยเป็นการฟ้องตรงต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในความผิดหลายข้อหา ตั้งแต่ประพฤติชอบ ไปจนถึงข้อหาบุกรุก ซ่องโจร กรณที่ทั้งหมด วางแผนจับอดีตอุทยานฯคนดังกล่าวในห้องทำงาน พร้อมเงินที่ระบุว่าเป็นสินบน 9 หมื่น 8 พันบาท เมื่อปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา



ข่าว 3 มิติได้รับการยืนยันจากนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ว่า เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในคดีอาญา เพื่อเอาผิดต่อพลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการตำรวจป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องรวม 7 คน โดยนายชัยวฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี มีชื่อถูกฟ้องลำดับที่ 7



คำบรรยายฟ้องของนายรัชฏา ระบุว่าจำเลยทั้งหมดวางแผนเพื่อให้ตัวเขารับเงิน ที่ได้เตรียมการและวางแผนมา อีกทั้งนำภาพเหตุการณ์เหล่านั้น ส่งต่อให้สื่อมวลชนเพื่อเผยแพร่ ซึ่งทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง



จึงฟ้องเป็นความผิดอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ความผิดต่อเสรีภาพ ทำพยานหลักฐานเท็จ เป็นเจ้าพนักงานกลั่นแกล้งผู้อื่นให้รับโทษ รวมถึงบุกรุก ซ่องโจร และความผิด พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 จึงขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาและลงโทษตามกฎหมาย



ในการฟ้องครั้งนี้นายรัชฏา อ้างอิงพยานเพื่อนำสืบ 30 รายการ มีทั้งตัวบุคคล ซึ่งรวมถึงตัวนายรัชฏาเอง และเอกสารหลักฐาน ขณะเดียวกัน การฟ้องครั้งนี้ นายรัชฏา ได้ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยตรง ขั้นตอนจากนี้ ศาลจะออกหมายเรียกนายรัชฏา ในฐานะโจทก์ และผู้ถูกฟ้องทั้ง 7 ในฐานะจำเลย มาไต่สวนมูลฟ้องเพื่อพิจารณาว่าจะรับฟ้องคดีนี้หรือไม่



ส่วนความคืบหน้าคดีที่นายรัชฏา หลังจากพนักงานสอบสวน ส่งสำนวนคดีพร้อมนำตัวนายรัชฏา ส่งป.ป.ช. เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา ในความผิดอาญามาตรา 149 ฐานเรียกรับสินบน และความผิดมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฎิบัติหน้าที่มิชอบ เฉพาะกรณีเกี่ยวกับเงิน 9 หมื่น 8 พันบาท



ส่วนกรณีเงินอีกกว่า 4 ล้าน 8 แสนบาทที่พบในห้องทำงาน อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน และสอบปากคำพยานเพิ่มเติม ซึ่งสามารถยื่นต่อ ป.ป.ช.เพิ่มได้อีกหากพบความชัดเจนมากพอยื่นฟ้องเป็นคดีใหม่ หรืออาจใช้เป็นหลักฐานในคดีเดิมที่ฟ้องไปแล้ว



ขณะที่นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ยืนยันคณะกรรมการป.ป.ช. มีมติสั่งไต่สวนแล้ว ในรูปแบบกรรมการไต่สวน โดยมี กรรมการ ป.ป.ช. 2 คน เป็นองค์คณะไต่สวนด้วย และก่อนหน้านี้ ในการเสวนาเรื่องส่วยสินบน ที่จัดโดยมูลนิธิสืบนาคะเสถียร นายนิวัติไชย ก็ระบุว่ากรณีดังกล่าว ได้พยานหลักฐานชัดเจน คาดว่าใช้เวลาไม่สวนไม่นานและอาจจะไม่ถึง 1 ปี



ส่วนความผิดทางวินัย คณะกรรมการไต่สวนโทษวินัยร้ายแรง ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีมติให้ออกจากราชการไว้ก่อน ในระหว่างที่การไต่สวนโทษวินัยร้ายแรง ยังไม่แล้วเสร็จ



สำหรับรายละเอียดทางคดีที่อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเป็นโจทก์ ข่าว 3 มิติ ตรวจสอบกับทีมกฎหมายฝ่ายโจทก์ทราบว่า ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดตรวจคำฟ้องในวันที่ 14 กุมภาพันธ์เวลา 09.30 น.