สังคม

สรุปตั้งแต่ต้น คดีสินบนอธิบดีกรมอุทยานฯ หลังตร.ส่งสำนวนให้ป.ป.ช.วันนี้

โดย panwilai_c

23 ม.ค. 2566

60 views

วันนี้ (23 ม.ค. 66) มีความคืบหน้าไปอีกขั้น ในคดีที่อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ถูกจับฐานเรียกรับสินบน และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พร้อมเงินที่เจ้าหน้าที่นำส่ง 9 หมื่น 8 พันบาท และเงินอื่นๆ ซึ่งไม่รู้ที่มาอีกว่า4 ล้าน 8 แสนบาท จนเป็นที่มาของคำว่า จับสด เพราะจับพร้อม หลักฐานขณะรับเงิน



ล่าสุดพนักงานสอบสวนตำรวจ ป.ป.ป. ได้นำสำนวนพร้อมนำตัวนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา ผู้ต้องหาคดีนี้ ส่ง ป.ป.ช.แล้ว และเลขาธิการ ป.ป.ช.ก็ระบุว่า คดีมีหลักฐานชัดเจนมาก จากการ ที่ ป.ป.ช.ไปร่วมปฏิบัติการนี้ตั้งแต่ต้น ติดตามที่มาของคดีตั้งแต่วันจับสด จนถึงวันส่งสำนวนคดี



พนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก. ป.ป.ป. นำสำนวนคดีนายรัชฏา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ส่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช.แล้ว ในคดีที่นายรัชฎา ตกเป็นผู้ต้องหาเรียกรับสินบน ตามความผิดอาญามาตรา 149 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่พนักงานปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัตหน้าที่โดยมิชอบ ตามความผิดอาญามาตรา 157



สำนวนคดีที่พนักงานสอบสวนนำมามอบให้ เป็นเอกสาร ซึ่งได้จากการสอบปากคำทั้งพยานหลัก พยานแวดล้อม รวม 653 แผ่น ของกลางที่ได้จากการตรวจค้น 3 รายการ ทรัพย์สินและสิ่งที่ตรวจยึด ส่วนใหญ่เป็นซองน้ำตาลใส่ธนบัตร 21 รายการ แฟลชไดร์ช และแผ่นซีดี ซึ่งบันทึกเหตการณ์ขณะเจรจาเรื่องเงินสินบนอย่างละ 1 รายการ



การส่งสำนวนวันนี้ พนักงานสอบสวนต้องนำตัวนายรัชฏา ไปรายงาน หรือส่งตัวด้วย ซึ่งมีกำหนดนัดพร้อมในเวลา 10 นาฬิกา แต่นายรัชฎา ได้เดินทางถึงสำนักงาน ป.ป.ช.ก่อนแล้วตั้งแต่เวลา 7 นาฬิกา กระทั่งมีการยื่นสำนวนในเวลาประมาณ 11 นาฬิกา



นายศรชัย ชูวิเชียร ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่านายรัชฏา ได้ยื่นคำร้องประกันตัวในชั้นป.ป.ช.ด้วยหลักทรัพย์ 4 แสนบาท หลังจากนี้ ป.ป.ช.จะแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนให้เร็วที่สุด



คดีนี้เริ่มต้นจากที่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ได้รับเรื่องร้องเรียนจากข้าราชการหลายคน ในขณะที่ตัวนายชัยวัฒน์ ถูกพักราชการจากคดีอื่น โดยเรื่องร้องเรียนเหล่านั้นอ้างว่า นับจากที่นายรัชฎา เข้ามารับตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานฯตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ได้ออกคำสั่งโยกย้ายข้าราชการจำนวนมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน



อีกทั้งระหว่าง ที่จะออกคำสั่ง ก็มีคนบางกลุ่ม เสนอตัวไปยังผู้ที่จะถูกย้าย หรือผู้ที่ต้องการย้าย ว่าจะประสานให้จ่ายสินบน แลกกับการไม่ต้องถูกย้าย หรือแลกกับการได้ย้ายไปอยู่ในหน่วย งานที่มีงบประมาณมากกว่า เป็นต้น ทำให้ข้าราชการที่ถูกเรียกรับเงินเดือดร้อน จึงต้องร้องเรียน



นายชัยวัฒน์ ได้นำข้อมูลเหล่านี้ร้องเรียนไปที่นายกรัฐมนตรี และต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2565 และหลังจากนั้นนายชัยวัฒน์ ได้รับคำสั่งให้ กลับเข้า รับราชการ เมื่อเดือนตุลาคม 2565 จึงประสานข้อมูลนี้กับ ป.ป.ช.เรื่อยมา



กระทั่งต้นเดือนธันวาคม 2565 เป็นช่วงที่ข้าราชการที่ถูกเรียกรับเงินต้องนำเงินไปส่งให้นายรัชฏา ทำให้นายชัยวัฒน์ นำเงินค่ารักษาตำแหน่งจากข้าราชการหลายหน่วย เช่น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ วนอุทยานฯ หรือ อุทยานฯ รวมเป็นเงิน 9 หมื่น 8 พันบาท ไปลงบันทึกประจำวัน กับตำรวจ ป.ป.ป. ในวันที่ 26 ธันวาคม จากนั้นก็ประสาน ทั้งเจ้าหน้าที่ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. แฝงตัวตัวเข้าไปอาคารกรมอุทยานฯ ในเช้าวันที่ 27 ธันวาคม 2565 เพื่อนำเงินที่ถ่ายเอกสารและลงบันทึกประจำวันไว้ ไปมอบ ให้นายรัชฎา



จากนั้น นายชัยวัฒน์ ซึ่งเป็นผู้ติดกกล้องกระดุมเสื้อที่ปกเสื้อ และกระเป๋า ได้นำซองเงินไปมอบให้นายรัชฏาและเจรจาต่อรองเรื่องเงินที่เรียกเก็บ จนกระทั่งนายรัชฎา นำซองเงินนั้น เก็บเข้าโต๊ะทำงาน เจ้าหน้าที่ชุดอื่นๆ ที่รออยู่หน้าห้อง และอยู่ในชั้นอื่นๆของสำนักงาน จึงได้บุกเข้าไปในห้องนายรัชฎา ที่ชั้น 6 และขอตรวจค้นในลิ้นชักจนพบซองเงิน 9 หมื่น 8 พันบาท เมื่อตรวจค้นจุดอื่นๆในห้องทำงาน ก็พบเงินสดในเป้สะพาน โดยไม่มีซอง



ส่วนที่มุมห้องแต่งตัว มีซองเงินอื่นๆรวมทั้งหมด 21 ซอง พร้อมเขียนชื่อกำกับแต่ละซองไว้ด้วย บางซองเขียนชื่อบุคคล บางซองเขียนชื่อหน่วยงาน รวมเงินที่พบ4,843,300 บาท โดยไม่รวมเงินที่ใช้เป็นหลักฐานเข้าจับ จำนวน 9หมื่น 8 พันบาท



หลักฐานเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ตำรวจ ป.ป.ป. นำเข้าสำนวนคดี และเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำ โดยแยกเป็นพยานที่เกี่ยวข้องกับเงินที่รวบรวมมา 9 หมื่น 8 พันบาท จำนวน 17 คน ให้การไปทิศทางเดียวกันว่าถูกเรียกเก็บเงินโดยไม่สมัครใจ พยาน 5 คน ที่ได้รับผลกระทบจากการไม่จ่ายเงินสินบนและถูกโยกกย้ายไม่เป็นธรรม ให้การเป็นประโยชน์ต่อสำนวน



ส่วนพยานที่เกี่ยวข้องกับซองเงิน 21 ซอง สามารถระบุตัวตน และเชิญตัวมาให้ปากคำ 14 คน โดยใน 14 คนนี้ มีทั้งให้การรับสารภาพเรื่องเงินตลอดข้อกล่าวหา /มีทั้งรับ สารภาพบางส่วน /และมีทั้งปฎิเสธว่าไม่ใช่สินบนแต่เป็นเงินเพื่อเช่าบูชาพระรูปจำลอง รัชกาลที่ 5



กระทั่งคำให้การของพยานทั้งหมด พร้อมข้อมูลการสืบสวนถูกรวบรวมเป็นสำนวนส่ง ป.ป.ช.วันนี้ โดยนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ซึ่งเป็นผู้ร้องคดีนี้ ก็ถูกเรียกตัวไปให้ปากคำ เพิ่มเติม และเปิดเผยว่าต้องการเห็นการไต่สวนคืนหน้าโดยเร็ว เพราะมีพยานหลายปาก ถูกข่มขู่ คุกคาม จากการที่ผู้ต้องหายังไม่พ้นจากตำแหน่ง



เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยวันนี้ว่า หลังจากนี้จะเข้าสู่การไต่สวน ซึ่งคดีนี้มีความชัดเจนตั้งแต่ต้น จึงมั่นใจว่าจะใช้เวลาไม่นาน



ขณะเดียกวันก็ย้ำกับเจ้าหน้าที่หัวหน้าหน่วย ที่มีชื่อพัวพันเกี่ยวข้องกับซองธนบัตร หากให้การเป็นประโยชน์และเข้าสู่การเป็นพยานของ ป.ป.ช. ก็ได้สิทธิ์ไม่ถูกดำเนินคดี ไม่ว่าวินัย หรืออาญา แต่หากให้การเท็จทั้งที่ก็อาจถูกดำเนินคดีด้วย



เลขาธิการ ป.ป.ช.ระบุว่าคดีนี้มีความสำคัญเป็นไปได้สูงว่าเมื่อรับสำนวนแล้ว คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะสั่งไต่สวนเอง เพราะกระทบต่อผู้บริหาระดับสูงและเสียหายร้ายแรง ซึ่งมีกรอบกำหนดไว้นับแต่วันตั้งไต่สวนไม่เกิน 2 ปี ขยายได้อีกไม่เกิน 1 ปี และเห็นว่าเรื่องนี้พยานหลักฐานชัด อาจจะใช้เวลาน้อยกว่า 1ปี



และตอนนี้นายรัชฎา ได้ทำเรื่องขอประกันตัวแล้วเสร็จ เมื่อราว 17 นาฬิกาที่ผ่านมา โดย ป.ป.ช.พิจารณาเห็นว่าผู้ต้องหาไม่มีพฤติกรรมหลบหนี จึงอนุญาตให้ประกันตัว ด้วยหลักประกันไว้ 4 แสนบาท



ปฏิกิริยาจากกรณีเงินสินบนของอธิบดีกรมอุทยานฯคนนี้ ทำให้มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้จัดเวทีเสวนาหัวข้อส่วยสินบน บทเรียนกรมอุทยาน บทเรียนข้าราชการไทย ซึ่งประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร เรียกร้องให้ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แสดงความรับผิดชอบต่อปัญหามากกว่าที่เป็นอยู่นี้ เพราะมีคำสั่งย้ายกว่า 300 อัตรา ไม่เป็นธรรม ที่ควรได้รับการแก้ไข



ขณะที่อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ ระบุว่าเป็นไปได้ยากที่ผู้เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งอธิบดีคนนี้ จะไม่รู้เห็นว่ามีพฤติกรรมดังกล่าว



หนึ่งในประเด็นสำคัญที่นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบสาคะเสถียร แสดงความเห็นบนเวทีเสวนา คือการเรียกร้องให้ผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แสดงจุดยืนต่อต้านปัญหาการทุจริต ด้วยการสอบวินัยร้ายแรง แต่ควรเร่งสร้างความเชื่อมั่น ศรัทธา คืนความเป็นธรรมให้ผู้ที่ถูกโยกย้ายไม่เป็นธรรม ตลอดช่วงที่นายรัชฎา เข้ามาดำรงตำแหน่ง



นายศศิน ยังระบุว่าข้อมูลที่ถูกเปิดโปงขณะนี่้ ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า คำสั่งเคาะกะลา ชัดเจนมากขึ้น เพราะเห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ไม่ได้กระทำโดยลำพัง แต่เป็นขบวนการตั้งแต่การโยกย้ายผู้บริหารระดับสูง ที่ต้องใช้อำนาจปลัดกระทรวงออกคำสั่ง จากนั้นก็เป็นการโยกย้ายในระดับหัวหน้าหน่วย ที่ใช้อำนาจอธิบดีสั่งการ ดังนั้นเมื่อหลักฐานชัดเจนเช่นนี้ จึงเห็นว่ารองอธิบดีกรมอุทยานฯที่รักษาการอยู่ ก็สามารถออกคำสั่งโยกย้าย ผู้ที่ถูกย้ายโดยไม่เป็นธรรมก่อนหน้านี้ กลับคืนตำแหน่งเดิมก่อนได้



ขณะที่นายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ ระบุว่าไม่อยากให้โทษแต่เพียงอธิบดีกรมอุทยานฯคนที่ตกเป็นข่าว แต่ต้องโทษคนที่มีอำนาจสูงสุดแต่งตั้ง และนายกรัฐมนตรีก็ต้องมีความชัดเจนเรื่องนี้ เพราะจะทำให้กระทรวงไม่เป็นที่เชื่อมั่นอีกต่อไป



ส่วนนายสมปอง ทองสีเข้ม อดีตผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกย้าย จากส่วนกลาง ไปสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1ปราจีนบุรี สะท้อนว่า หนึ่งในปัญหาที่พบขณะนี้ คือนำงบประมาณที่ควรจะเป็นไปเพื่อภารกิจหลัก ไปใช้เพื่อภารกิจรอง หรือภารกิจเพื่อสนับสนุน



นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ซึ่งร่วมเวทีวันนี้ด้วย ยังระบุว่าการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต เป็นภารกิจสำคัญ และตอนนี้ ป.ป.ช. ก็ปฎิบัติงานเชิงรุกติดตามเรื่องร้องเรียน เหมือนดังกรณีนี้ แต่ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เรื่องดังกล่าวสำเร็จผล ต้องอาศัยความกล้าความเข้มแข็งของคนในองค์กร เพื่อหาทางนำเก็บรวบรวมหลักฐานที่ชัดเจนให้มากที่สุด

คุณอาจสนใจ

Related News