สังคม

ตร.แจ้ง 3 ข้อหา 'เสี่ยเบนท์ลี่ย์' เมาแล้วขับ - อธิบดีดีเอสไอ ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องการช่วยเหลือ

โดย parichat_p

11 ม.ค. 2566

70 views

ความคืบหน้าคดีนักธุรกิจผู้ขับขี่รถเบนท์ลีย์ เกิดอุบัติเหตุ จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย แต่ไม่ยอมให้ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ล่าสุดได้รับการประกันตัวในชั้นศาล หลังรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลสั่งแจ้งข้อหา เมาแล้วขับ และข้อหาอื่นๆอีกว่า รวม 3 ข้อหา พร้อมกับตั้งกรรมการสอบพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีว่าทำตามขั้นตอน หรือมีเจตนาช่วยเหลือหรือไม่ ให้รายงานผลภายใน 15 วัน ขณะที่อธิบดีดีเอสไอ ปฏิเสธว่าไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปให้การช่วยเหลือ


พลตำรวจตรี จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ชี้แจงผ่านเอกสารว่า พนักงานสอบสวน สน.ทางด่วน 1ได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับ นาย สุทัศน์ ใน 3 ข้อหา ขับรถโดยประมาทอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลและทรัพย์สินของผู้อื่น และเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส // ขับรถโดยประมาททำให้ได้รับอันตรายแก่กายและทรัพย์สินเสียหาย // ขับรถในขณะเมาสุรา แม้ผู้ขับฝ่าฝืนไม่ยอมเป่าแอลกอฮอล์ ให้สันนิษฐานว่า เมาแล้วขับ และนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งศาลได้พิจารณารับฝากขังตามคำร้อง หลังจากนั้นศาลอนุญาตให้ประกันตัวในราคา 1 แสนบาท ส่วนอัตราโทษ เมาแล้วขับ จะมีโทษ 2-6 ปี หรือปรับ 4 หมื่น ถึง 1 แสนบาท แต่ขึ้นอยู่กับการพิจารณว่ามีเหตุให้บรรเทาโทษหรือไม่


แต่การตรวจผลเลือดจากโรงพยาบาลตำรวจของนายสุทัศน์อยู่ที่กว่า 10 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ ซึ่งตามกฎหมายเมาแล้วขับต้องมีปริมาณแอลกอฮอล์ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตจากนักวิชาการ ว่าโดยเฉลี่ยปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของมนุษย์จะลดลง 15-20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ในทุกๆ 1 ชั่วโมง ซึ่งหากมีการตรวจล่าช้าก็จะยิ่งทำให้ค่าที่ได้คลาดเคลื่อนแม้จะมีสูตรคำนวนในการคิดหาค่าปริมาณแอลกอฮอล์ย้อนหลังไปถึงช่วงจุดเกิดเหตุก็ตาม ซึ่งจากหลักฐานจากกล้องหน้ารถที่เกิดอุบัติเหตุ บันทึกว่า เกิดอุบัติเหตุตอนเที่ยงคืน 35 นาที


จากนั้นพบว่าผู้ขับรถเบนท์ลีย์ขึ้นรถแท็กซี่ไปกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลา 01.44 น. โดยอาสาสมัครเป็นคนบอกให้แท็กซี่ขับไปส่งที่ สน.ทางด่วน 1 พร้อมขับรถประกบไปด้วยก่อนที่จะไปถึง สน. ตอน 01.51 น.


ซึ่งมีหลักฐานบันทึกการใช้โทรศัพท์ที่โทรศัพท์หาทนายช่วงเวลา 01.58 น. เพื่อให้มาพบที่ สน. จากนั้นมีการเจรจาใน สน. อยู่นาน เรื่องที่ นาย สุทัศน์ ไม่เป่าแอลกอฮอร์ ซึ่งตอนที่ถ่ายคลิป นาย สุทัศน์ นั่งเคี้ยวหมากฝรั่งและพยายามโทรศัพท์ติดต่อใครบางคน เป็นเวลา 02.52 น. ก่อนที่ในเวลาต่อมา จะมีชายคนหนึ่งเดินทางมาพร้อมกับลูกน้องและภรรยา โดยอ้างว่าเป็นอดีตตำรวจยศสูง และเป็นข้าราชการระดับอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะขอมาดำเนินการเรื่องนี้ โดยการรับตัวนาย สุทัศน์ ขึ้นรถเบนซ์ไปส่งที่โรงพยาบาลตำรวจ แต่พนักงานสอบสวนได้ให้นายดาบคนหนึ่งขี่รถจักรยานยนต์ตามไปด้วย ก่อนจะไปถึงที่ โรงพยาบาลตำรวจตอน 04.35 น. และะออกมาจากโรงพยาบาลตำรวจตอน ตี 5 ครึ่ง


ส่วนที่สังคมตั้งข้อสงสัยการทำงานของพนักงานสอบสวน เกี่ยวกับการตรวจวัดแอลกอฮอล์ ผู้บังคับการตำรวจจราจรสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องการใช้วิจารณญาณของพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับการตรวจวัดแอลกอฮอล์ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (10 ม.ค.) และให้รายงานผลการตรวจสอบให้ทราบภายใน 15 วัน


ขณะที่มีพยานระบุว่า นายสุทัศน์มีผู้ให้การช่วยเหลือเป็นชายอ้างตัวว่ามียศ มีตำแหน่ง เป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ


นาย ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเปิดเผยว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่สำคัญไม่ได้มาจากสายตำรวจ แต่จบมาทางด้านสายแพทย์ หากมีหลักฐานว่าเข้าไปเกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือด้านคดีจริง ก็พร้อมที่จะลาออกจากตำแหน่งทันที แต่หากพบว่ามีระดับผู้ใต้บังคับบัญชาของดีเอสไอเป็นผู้แอบอ้าง จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด

คุณอาจสนใจ

Related News