จับหัวหน้าแก๊งตระเวนงัดเซฟตามบ้าน เผยประวัติโชกโชน เคยยกเค้าสูงสุดร่วม 60 ล้าน

ในช่วงที่ผ่านมา ยังมีแก๊งโจรกรรมทรัพย์สินตามหมู่บ้าน ที่เจ้าของต้องไปทำงานต่างจังหวัดเป็นเวลาหลายวัน ถือเป็นภัยใกล้ตัว และสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนมาโดยตลอด เนื่องจากเป็นคนร้ายก่อเหตุโชกโชน เคยยกเค้าได้มากสุดเป็นทรัพย์สินร่วมกว่า 60 ล้านบาท ล่าสุดถูกตำรวจสืบสวนนครบาลจับหัวหน้าแก๊งได้แล้ว



คนร้าย 3 คนยกเค้า บ้าน4 หลัง ภายในพื้นที่เดียวกัน และระยะเวลาเดือนเดียวกัน ในอ. เมืองสมุทรสงคราม

โดยบ้านหลังหนึ่ง คนร้ายได้เข้ามา 3 คน เพื่อยกตู้เซฟออกไปขณะไม่มีคนอยู่บ้าน ผู้สูงอายุที่อยู่ในหมู่บ้านเล่าว่า ปลายเดือนก่อน มีคนร้ายเข้ามายกเค้าตู้เซฟ ช่วงเวลากลางวัน โดยหมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านใหม่ ยังไม่มีคนมาอยู่มากนัก คนร้ายฉวยโอกาสที่ปลอดคน เข้ามายกตู้เซฟไปได้ หลังคนร้ายก่อเหตุติดต่อกัน สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน และย่ามใจ ก่อเหตุไม่หยุด



ตำรวจสืบนครบาลได้ตรวจสอบรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายจากกล้องวงจรปิด พบว่าคือนายสมชาย วิมุตสี หรืออ่าง อายุ 53ปี หลบหนีมาอยู่ห้องเช่า ย่านบางแค ตำรวจจึงนำกำลังเข้าจับกุมได้ ภายในห้องพัก



ผู้ต้องหาสารภาพว่าได้เข้าไปลักทรัพย์สินของบ้านผู้คน ช่วงก่อนปีใหม่ ได้ทรัพย์สินไปหลายรายการมูลค่ากว่า 630,000 บาท และพยายามลักทรัพย์ อีก 1 หลัง แต่ไม่สามารถเข้าไปได้ โดยก่อนการก่อเหตุ พยายามตัดสายสัญญาณที่เชื่อมกับกล้องวงจรปิดภายในบ้าน เพื่อให้ยากกับการตามจับ



จากการตรวจสอบประวัติยังพบว่า ผู้ต้องหารายนี้เป็นถึงหัวหน้าแก๊งงัดตู้เซฟรายใหญ่ ร่วมกับพวกอีก 9 คนก่อเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์งัดตู้เซฟเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ย่านป้อมปราบศัตรูพ่าย ได้ทรัพย์ไปกว่า 60 ล้านบาท เมื่อปี 51 แล้วต่อมา ก็ถูกจับในคดีรับของโจร ศาลตัดสินจำคุก 1 ปี พ้นโทษออกมาเมื่อปี63 หลังจากพ้นโทษ ก็ได้กระทำผิดซ้ำซาก ออกมายกเค้าตามบ้านเรือนประชาชน และสืบหาแหล่ง บ้านใดมีตู้เซฟ ก็จะเข้าไปยกตู้เซฟ กระทั่งพบหมายจับ 4 หมาย ในพื้นที่จ.สมุทรสงคราม ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถาน



หลังถูกจับ ตำรวจยึดทรัพย์สินเป็นธนบัตรที่ระลึกและธนบัตรต่างประเทศ 31 ฉบับ -พระเครื่อง จำนวน 779 องค์โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง ผู้ต้องหายังอ้างว่าเป็นเพียงผู้ช่วยในการขนย้ายทรัพย์สินเก็บเข้าในรถยนต์คันก่อเหตุ และอยู่ร่วมด้วยขณะทำการใช้แชลงงัดเซฟ



หลังจากก่อเหตุ ได้รับส่วนแบ่งจากการยกเค้า เป็นเงิน จำนวน 20,000 บาท และ พระท้าวเงสสุวรรณ รุ่น1 ปี 2545 เนื้อตะกั่ว 2 องค์ ขายไป องค์ละ 7000 และ เนื้อทองแดง 2 องค์ ขายไปองค์ละ 11,000 บาท ให้ตามตลาดซื้อขายพระ โดยผู้ต้องหาจะถูกส่งไปที่ สภอ.เมืองสมุทรสงคราม และจะถูกส่งตัวไปฝากขังวันพรุ่งนี้ (7 ม.ค. 65)