เปิดแผน 'ประสิทธิ์ เจียวก๊ก' หนีศาล คาดกุญแจที่หายไป จนท.มีเอี่ยว

การวางแผนหลบหนีของนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก จากศาลอาญา ซึ่งมีการตั้งข้อสงสัยถึงกุญแจข้อมือและข้อเท้า จะมีเจ้าหน้าที่รู้เห็นหรือไม่ วันนี้ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยอมรับกุญแจข้อเท้า ซึ่งเป็นกุญแจชนิดพิเศษหายจากเรือนจำจริง คาดนาย ประสิทธิ์ อมใส่ปากแล้วปิดหน้ากากออกมาจากในเรือนจำ ต้องสอบว่าเจ้าหน้าที่ภายในให้ความช่วยเหลือหรือไม่ ขณะที่นาย ประสิทธิ์ ถูกย้ายไป เรือนจำกลางบางขวางแล้ว ขณะที่ตำรวจเร่งล่าตัวเลขาส่วนตัวอีก 1 คน ที่คาดว่าจะร่วมรู้เห็น



วันนี้ได้มีจดหมายเขียนโดยนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชน เผยแพร่ออกมา โดยมีการกล่าวอ้างถึง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และผู้บัญชาการเรือนจำ ซึ่งทางว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้สอบถามแล้ว ยืนยันว่า ทั้งสองไม่เคยเจอหรือรู้จักกันมาก่อน เชื่อว่า นาย ประสิทธิ์ แอบอ้างไปเอง โดยก่อนหน้านี้นายประสิทธิ์ ถูกคุมตัวในส่วนของโรงพยาบาลราชทัณฑ์



นอกจากนี้ ว่าที่ร้อยตรีธนกฤติยังเปิดภาพกุญแจความมั่นคงสูง ให้ทีมข่าวดู ปรากฏว่ากุญแจที่ใช้ไขมี 2 แบบคู่กัน ดอกแรก เป็นกุญแจแบนๆ คล้ายกับกุญแจบ้าน อีกดอกเป็นกุญแจเข็มที่ต้องแทงลงไปในกุญแจข้อเท้า เพื่อจะปลดล็อค ที่สำคัญต้องใช้กุญแจทั้ง 2 ดอก จึงจะปลดล็อคกุญแจข้อเท้าได้



เมื่อไปตรวจสอบดูที่กล่องใส่กุญแจที่ปกติจะมีอยู่ 5 ชุด ปรากฏว่าหายไป 1 ชุด ซึ่งเป็นชุดที่ นาย ประสิทธิ์ ใส่กุญแจข้อเท้าออกไป โดยวิธีที่ซ่อนกุญแจคาดว่าน่าจะอมกุญแจทั้ง 2 ดอกไว้ในปากแล้วใส่หน้ากากอนามัยทับอีกชั้น เมื่อเข้าห้องน้ำก็ใช้กุญแจที่ซุกซ่อนมาปลดกุญแจข้อเท้า ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมา



หลังจากนี้อาจจะต้องใช้วิธีขอไต่สวนผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนท์แทน และวันนี้ได้ย้ายตัว นาย ประสิทธิ์ ไปที่เรือนจำกลางบางขวาง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นแดนความมั่นคงสูง เช่นเดียวกับ นาย บรรยิน ที่เคยวางแผนแหกคุกมาแล้ว



ด้าน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดชผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระบุว่ามีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือคาดมีทั้งหมด 4 คน เบื้องต้น นายสมประสงค์) อายุ 56 ปี เป็นผู้ที่นําเสื้อผ้ามาให้นายประสิทธิ์ฯ เปลี่ยนในห้องน้ําที่เกิดเหตุ และเป็นหนึ่งใน ผู้เสียหายที่ร่วมลงทุนกับนายประสิทธิ์กว่า 10 ล้านบาท และยังเชื่อว่าจะได้รับเงินคืน โดยยังมีกลุ่มอดีตพนักงานทั้งกลุ่มเลขานายประสิทธิ์ฯ และกลุ่มผู้ช่วยทนายความ ให้การช่วยเหลือและรู้เห็นในการวางแผนหลบหนีครั้งนี้ โดยวางแผนไว้ 2 ชั้น แผนแรก คือ นำชุดและกุญแจ ไปให้กับนาย ประสิทธิ์ ที่ศาล เมื่อออกมาได้ก็จะใช้แผนสอง คือ ไปเปลี่ยนชุดอีกครั้ง ไปเอาข้าวของที่จำเป็นที่ซ่อนไว้ รถยนต์ และบัตรประชาชนปลอม เพื่อหลบหนีต่อไป แต่มาถูกจับได้ก่อน ซึ่งของกลางที่ตรวจยึดจากรถยนต์ของเลขาฯและแฟนหนุ่มมากถึง 53 รายการ



ขณะที่ ผู้กำกับการ สน.พหลโยธิน เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาเต็มใจช่วยโดยไม่มีค่าตอบแทน ขณะที่เลขาอีก 1 คน ของ นาย ประสิทธิ์ คาดว่าน่าจะรู้เห็นด้วยตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวมาสอบปากคำ



ทำให้ตอนนี้ตำรวจแจ้งข้อหา นาย สมประสงค์ เพียงคนเดียว ในความผิดฐาน เป็นผู้สนับสนุนให้ผู้ต้องขังหลบหนีการควบคุมจากอำนาจศาล ซึ่งเมื่อช่วงเช้าตำรวจคุมตัวไปส่งฟ้องที่ศาลแขวงพระนครเหนือแล้ว แต่จากการสืบสวนพยานหลักฐาน ปรากฏข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ทำให้อัตราโทษสูงขึ้น และอาจจะเกินขอบเขตอำนาจของศาลแขวงพระนครเหนือ จึงพาตัวนาย สมประสงค์ กลับมาควบคุมตัวที่สน.ก่อน