ป.ป.ส.ลุยยึดทรัพย์ 'ตู้ห่าว' กว่า 3 พันล้าน 'ชูวิทย์' ติดใจ ไม่แจ้งข้อหาฟอกเงิน ขอ อสส.รับเป็นคดีข้ามชาติ

ยังมีความคืบหน้ากรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ เปิดโปงกลุ่มทุนของนักธุรกิจชาวจีน ที่ถูกเรียกว่า จีนเทา ซึ่งวันนี้นายชูวิทย์ ไปร้องให้อัยการสูงสุดพิจารณาคคียาเสพติดของนายตู้ห่าว เป็นคดีระหว่างประเทศ เพื่อให้อัยการสูงสุดเข้ามาเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน เพราะเกรงว่าตำรวจจะทำให้สำนวนคดีอ่อน หลังจากพบว่าไม่แจ้งข้อกล่าวหาฐานฟอกเงิน ขณะเดียวกัน กระทรวงยุติธรรมก็แถลงว่าขณะนี้ได้ยึด อายัด ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับนายตู้ห่าวไว้ตรวจสอบแล้วกว่า 3 พันล้านบาท



รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่าสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือป.ป.ส. ใช้อำนาจตามกฎหมายยึดทรัพย์ ขยายผลมาจากคดีสถานบันเทิงจินหลิงผับ ที่มีนายชัยณัฐร์กรณ์ ชายานันท์ หรือนายตู้ห่าว เป็นเจ้าของ เพื่อดำเนินการยึด อายัดทรัพย์สินนายตู้ห่าวแล้วกว่า 3 พันล้านบาท ประกอบด้วยโฉนดที่ดิน 5 แปลง จำนวน 39 ไร่ /บริษัท โรงแรมดิวาลักษณ์ รีสอร์ทแอนด์ สปา ที่จังหวัดสมทุปราการ และทรัพย์สินเช่นรถยนต์



ก่อนหน้านี้ดีเอสไอ และป.ป.ส. ยึดทรัพย์นายตู้ห่าวไว้กว่า 1 พันล้านบาท ไว้ตรวจสอบ และเจ้าของทรัพย์สินรวมถึงนายตู้ห่าว ต้องแสดงหลักฐานการได้มาซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวให้ได้ จึงจะถูกยกเลิกการอายัดทรัพย์สิน



วันนี้นายชูวิทย์มาฟังการแถลงข่าวด้วย และระบุว่าเขาไม่มั่นใจการทำงานของตำรวจ เพราะเกรงจะมีการช่วยเหลือให้หลุดพ้นคดี เพราะไม่ปรากฏว่ามีการแจ้งข้อหาฟอกเงินแก่นายตู้ห่าว นายชูวิทย์ จึงเสนอให้อัยการสูงสุดพิจารณารับคดีทุนจีนสีเทา เป็นคดีนอกราชอาณาจักร เพราะเข้าข่ายเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อให้คดีนี้มีอัยการสูงสุดเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน



ส่วนหนึ่งที่มีประเด็นนี้ เป็นเพราะนายชูวิทย์ ไม่มั่นใจการทำงานของตำรวจชุดดำเนินคดีภายใต้การนำของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะเห็นว่าไม่แจ้งข้อหาฟอกเงินกับนายตู้ห่าว ซึ่งถึงที่สุดก็จะทำให้ทรัพย์ที่ถูกยึด หรืออายัดไว้ ต้องถูกถอนไปในที่สุด และผู้ต้องหาอีกหลายคน ก็อาจหลุดคดี



อย่างไรก็ตาม อัยการพิเศษ ฝ่ายสำนักงานคดียาเสพติด ที่เข้าร่วมการแถลงข่าวที่กระทรวงยุติธรรมเมื่อเช้า แสดงความเห็นเช่นกันว่า พนักงานสอบสวนควรแจ้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการฟอกเงิน กับนายตู้ห่าวด้วย เพื่อให้คดีรัดกุม