ตร. พบเครือข่ายยานรกหันมาใช้ระบบขนส่งเอกชน พร้อมปลอมชื่อผู้ส่ง-ผู้รับ ทำให้ตามตัวได้ยาก

ตำรวจปราบปรามยาเสพติด แกะรอยการลำเลียงยาเสพติดด้วยการขนส่งทางพัสดุไปรษณีย์ในช่วงที่ผ่านมา พบว่ามีการลักลอบส่งยาผ่านระบบ Logistic ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นจำนวนมาก โดยใช้ชื่อทั้งผู้ส่งและผู้รับ เป็นชื่อปลอม อีกทั้งยังพบเครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติดชาวจีน ลักลอบเข้ามาส่งพัสดุยาเสพติดออกนอกประเทศหลายครั้ง


ปฏิบัติการตรวจยึดพัสดุ ที่ซุกซ่อนยาเสพติด ซึ่งมีหลากหลายวิธีการอำพราง และตบตาเจ้าหน้าที่ จนเล็ดลอดออกไปนอกประเทศได้ โดยเมื่อกลางเดือนตุลาคม ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร่วมกับศุลกากร พบพัสดุต้องสงสัย เมือเปิดกล่องดู พบวาเป็นขวดคอนแทคเลนส์ เตรียมส่งไปออสเตรเลีย จึงได้นำไปตรวจสอบพบว่าเป็นไอซ์เหลว และผู้ต้องหาย่ามใจ ได้กลับมาส่งพัสดุแจ้งเป็นคอนแทคเลน เพิ่มอีก จนพบว่าผู้ต้องหารายนี้


สัญชาติจีน และบินเข้ามาเพื่อภารกิจบรรจุยาเสพติดส่งออกนอกประเทศ โดยเช่าคอนโดไว้ 4-5 แห่ง เพื่อไม่ให้ยากต่อการติดตาม ในที่สุดสามารถจับกุมได้ และค้นห้องพัก พบไอซ์จำนวนหนึ่ง อุปกรณ์และเสื้อผ้าทีสวมขณะไปส่งพัสดุครั้งก่อน


ที่ผ่านมานายทุนชาวจีน ก็จะมีเครือข่ายสั่งโซเดียมไชยาไนท์ ซึ่งเป็นสารตั้งต้นเข้ามาในประเทศ และส่งออกไปผลิตยา ที่ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน และนำย้อนกลับเข้ามาในไทย เพื่อจำหน่าย และเป็นแหล่งพักยาเพื่อลำเลียงไปต่างประเทศ ทั้งทางเรือและท่าอากาศยาน ซึ่งจะมีการซุกซ่อนจะมีทั้งกระปุกครีม เครื่องใช้ไฟฟ้า หรืออาหารเช่นทุเรียนกวน


ขณะที่ในประเทศ ล่าสุดตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้จับแก๊งค้ายาเสพติด ส่งทางพัสดุไปรษณีย์ จากพื้นที่ภาคกลาง ไปยัง อ.ตากใบ จ.นราธิวาส โดยมีผู้ต้องหา อายุ 19 ปี เป็นผู้รอรับสินค้าเป็นพัสดุ 2 กล่องพบยาบ้า 220,000 เม็ด ค่าจัดส่ง รวม 550 บาท

ด้วยค่าจัดส่งที่ถูก ทำให้เครือข่ายยาเสพติดหันมาส่งพัสดุยาเสพติด กับบริษัทขนส่งเอกชนมากขึ้น แต่การจับกุมพบอุปสรรค เพราะผู้ส่ง-ผู้รับใช้เอกสารไม่ตรงปก ใช้ชื่อปลอม มีการอำพรางตัวตน

เจ้าหน้าที่จะใช้มาตรการให้ระบบขนส่งพัสดุไปรษณีย์ของบริษัทเอกชน ต้องมีการระบุตัวตนของผู้ส่งและผู้รับตัวจริง และบันทึกกล้องวงจรปิดไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเป็นการสกัดกั้นการส่งยาเสพติดทางระบบ Logistic ให้ได้ผล