อ.กันทรารมย์ ศรีสะเกษ น้ำท่วมยังวิกฤต - ทุ่งรางจรเข้ อยุธยา ท่วมสูงอีก ร้องลดการระบายน้ำ

น้ำท่วมหนักในรอบ 40 ปี ที่อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ ยังไม่คลี่คลายหลายตำบลแม้ระดับน้ำจะลดลงบ้าง แต่ยังไม่มากพอที่จะกลับเข้าไปอาศัยในบ้านได้ เจ้าหน้าที่ยังต้องระดมการแจกจ่ายถุงยังชีพให้ผู้ประสบภัย ส่วนในพื้นที่ลุ่มน้ำภาคกลาง ยังมีน้ำหลากทุ่งที่กระจายท่วมเป็นวงกว้าง ทั้งในบางพื้นที่ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และบางส่วนจังหวัดปทุมธานี



แรงดันจากกระแสน้ำในคลองชลประทานขุดใหม่ อำเภอลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี ได้ทะลุท่อระบายน้ำใต้ถนน จนท่วมเขตตำบลลาดหลุมแก้วและตำบลหน้าไม้ ขณะนี้องค์การ บริหารส่วนจังหวัดได้นำเครื่องจักรไปปิดทางน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้กระจายท่วมมากกว่าเดิม เพราะน้ำที่ท่วมทุ่งตอนนี้ จะลงคลองระบายน้ำ 3 คลอง ในอำเภอลาดหลุมแก้ว คือ คลองชลประทานขุดใหม่ /คลองลากฆ้อน และคลองพระอุดม จึงต้องระวังเป็นพิเศษ ในช่วงที่น้ำที่จะหลากลงแม่น้ำเจ้าพระยา



ขณะเดียวกันที่ตำบลรางจรเข้ อำเภอเสนา ก็กลับมามีน้ำท่วมสูงอีก โดยนายกองค์การบริหารส่วนตำบลรางจรเข้ ระบุว่าในทุ่งรางจรเข้ รับน้ำมา 130 เปอร์เซ็นของพื้นที่ ซึ่งถือว่าสูงอยู่แล้ว แต่กลับมีการระบายน้ำเข้ามาไม่หยุด ทำให้ถนนสายหลักเชื่อม 3 ตำบลที่มีคนสัญจรกว่า 1 หมื่นคน ได้รับผลกระทบ จึงเรียกร้องให้ลดบานประตูระบายน้ำ 3 บน ที่อยู่ในความรับผิดชอบของโครงการฯผักไห่ลง จากเดิมที่เปิดแบบยกบาน หรือไม่ก็เพิ่มทางระบายออกของน้ำด้วย



สำหรับลุ่มน้ำชี โดยเฉพาะที่จังหวัดกาฬสินธุ์ หลังจากกรมชลประทานปิดพนังกั้นน้ำ ในอำเภอฆ้องชัย ที่ขาดได้แล้วตั้งแต่สองวันก่อน ทำให้ไม่มีน้ำทะลักเพิ่ม แต่เฉพาะที่หลาก ออกจากลำน้ำชีตลอดกว่า 1 สัปดาห์นั้น ทำให้บ้านเรือนและไร่นารวมกว่า 1 แสนไร่ ในอำเภอฆ้องชัย และอำเภอกมลาไสย ได้รับผลกระทบ และยังมีน้ำท่วมขังแบบน้ำหลากทุ่ง โดยปลายน้ำก้อนนี้ กำลังหลากเข้าพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ในเขตอำเภอโพนทอง ซึ่งอยู่ในแนวรอยต่อตามลำน้ำชี



ที่อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ในเขตลุ่มน้ำมูล ก็ยังมีหลายตำบลถูกน้ำท่วมสูงเช่นที่บ้านหนองโอง ตำบลโนนสัง ซึ่งยังมีน้ำท่วมรอบหมู่บ้านจนมีสภาพเป็น เกาะ กลางน้ัำ นานกว่า 1 เดือนแล้ว ชาวบ้านยังไม่สามารถออกไปประกอบอชีพตามปกติได้ ขณะที่หน่วยงานในจังหวัด ยังต้องระดมสิ่งของบริจาคไปแจกจ่ายให้ผู้ประสบภัยซึ่งถือว่า ประสบภัยน้ำท่วมสูงที่สุดในรอบเกือบ 40 ปี



สำหรับที่อุบลราชธานี ระดับน้ำที่ท่วมเส้นทางหลักเชื่อมตัวเมืองอุบลฯกับอำเภอวารินชำราบ ลดลงแล้ว ทำให้รถยนต์สัญจรไปมาได้ปกติ และกิจการร้านค้าในย่านดังกล่าว รื้อกระสอบทรายออกเพื่อฟื้นฟูกิจการ อย่างไรก็ตาม ยังมีหมู่บ้าน ชุมชนมากกว่า 50 แห่ง ริมแม่น้ำที่บ้านเรือนยังจมอยู่ใต้น้ำ และรอการช่วยเหลือ