สังคม

ทลายเครือข่าย “เบล 1000 กระบอก” จับข้าราชการเซ็นใบอนุญาต ตัดวงจรค้าอาวุธเถื่อน ยึดทรัพย์ 150 ล้านบาท

โดย pattraporn_a

13 มิ.ย. 2565

809 views

ตำรวจสอบสวนกลาง จับขบวนการ ปลอมเอกสารชื่อบุคคลอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ใช้สิทธิ์ซื้อปืนสวัสดิการรัฐราคาถูกหลายพันกระบอก เพื่อส่งขายต่อในตลาดมืด


ตำรวจสอบสวนกลาง และเจ้าหน้าที่ ปปง. ทลายเครือข่าย “เบล 1000 กระบอก” หลังจากจัดหาชื่อบุคคลไปจัดซื้อปืนล็อตใหญ่มากกว่า 3,000 กระบอก โดยบางรายเป็นบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อปืน แต่มีซื่อซื้อปืนไปหลายร้อยกระบอก การทลายเครือข่ายครั้งนี้บุกจับได้ทั้งขบวนการ ตั้งแต่นายอำเภอ 2 คนและพรรค ที่เซนต์ใบอนุญาตให้การจัดซื้อปืน ไปจำนวนมาก โดยตำรวจใช้มาตรการยึดทรัพย์ในการตัดวงจร


เป้าหมายแรกเป็นบ้านของนายดนุพล หรือเบล อายุ 32 ปี และภรรยาชาวลาว ใน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจกองปราบปราบ สนธิกำลังหน่วยหนุมาน และ ปปง เข้าตรวจค้นตามหมายจับในคดีค้าอาวุธปืนและฟอกเงิน


นายดนุพล หรือฉายา “เบล 1000 กระบอก” เพราะมีประวัติค้าอาวุธ โดยใช้ชื่อบุคคลอื่นไปขอใบอนุญาตซื้อปืนซึ่งมีข้าราชการออกใบอนุญาตอยู่เบื้องหลังไม่ต่ำกว่า 3,000 กระบอก โดยมีผลประโยชน์ตอบแทน จากการเข้าตรวจค้นบ้านพักยังพบปืนรุ่นใหม่และปืนยาวติดลำกล้อง ทรัพย์สินของนายเบลยังมีอาคารพาณิชย์อีก 2 คูหา ราคา 8 ล้านบาท และเรือประมงอีก 5 ลำ รถยนต์ 6 คัน


ขณะที่บ้านเครือญาติ ยังพบปืนรุ่นใหม่จำนวนมาก รวมทั้งเครื่องกระสุนนับพันนัด การเข้าจับกุมกลุ่มค่าอาวุธปืนได้ล็อตใหญ่ ตั้งแต่ปี 2563 พบว่า มีข้าราชการเซนต์ใบอนุญาตให้ โดยตำรวจสอบสวนกลางยังเข้าจับกุม นายดงพล อายุ 49 ปี นายอำเภอศรีราชา และนายสาวิตร อดีตนายอำเภอไทรโยค และเจ้าหน้าท่หน้าห้องที่อ ไทรโยคพบรวมกันกระทำผิดในการออกใบอนุญาตให้ซื้อปืนหรือใบ ป3 คนละหลายร้อยกระบอก


พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กล่าวว่า นับเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ เพราะปืนตกไปอยู่ในมือกลุ่มอาชญากร มือตลาดมืด เสี่ยงต่อการนำไปทกระทำผิด และหาตัวคนร้ายยาก


ขณะที่ พล.ต.ท จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ซึ่งได้ทำการสืบสวนพฤติกรรมมานานกว่า 2 ปี หลังมีผู้ร้องเรียนว่าถูกแอบอ้างชื่อไปซื้อปืน จึงเห็นว่าปืนที่มีอานุภาพร้านแรง บางชนิดรุนแรงกว่าของเจ้าหน้าที่ ได้กระจายไปอยู่ในมือองค์กรอาชญากรรมข้่ามชาติ ทั้งค้ายา ค้าอาวุธ และมือปืนในประเทศ


การตรวจค้นจับเครือข่ายได้ทั้งขบวนการ 16 ราย เป็นการตัดวงจร ยึดทรัพย์ได้ 150 ล้านบาท

คุณอาจสนใจ

Related News