สังคม
ลดโทษ 'อดีตผกก.โจ้' จากประหาร เหลือจำคุกตลอดชีวิต เหตุจ่ายเยียวยาครอบครัว
โดย panwilai_c
8 มิ.ย. 2565
91 views
คดีที่อดีตผู้กำกับโจ้ กับพวกอีก 6 คน ร่วมกันทรมานผู้ต้องหาคดียาเสพติด ด้วยวิธีการทุบตีและใช้ถุงพลาสติกคลุมหัวจนเสียชีวิต วันนี้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษาประหารชีวิต แต่มีเหตุบรรเทาโทษ จากการที่จำเลยทุกคนได้พยายามช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 เป็นจำคุกตลอดชีวิต
ผ่านไป 10 เดือนหลังก่อเหตุ ที่สุดเช้าวันนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1-2-3-4-5 และจำเลยที่ 7 ประกอบด้วย
พันตำรวจเอก ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ โจ้ อดีตผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ พันตำรวจตรี รวีโรจน์ ดิษทอง สารวัตรสืบสวน ร้อยตำรวจเอก ทรงยศ คล้ายนาค รองสารวัตรปราบปราม ร้อยตำรวจโท ธรณินทร์ มาศวรรณา รองสารวัตรปราบปราม ดาบตำรวจ วิสุทธิ์ บุญเขียว ผู้บังคับหมู่งานปราบปราม และสิบตำรวจตรี ปวีณ์กร คำมาเร็ว ผู้บังคับหมู่งานปราบปราม
ส่วนจำเลยที่ 6 ดาบตำรวจศุภากร นิ่มชื่น ผู้บังคับหมู่งานปราบปราม พิพากษาจำคุก 8 ปี หลังปรากฏหลักฐานไม่ได้ร่วมฆ่าทรมาน แต่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย
ย้อนกลับไปวันที่ 5 สิงหาคม 2564 ภายในบ้านกาแฟ ฐานที่ตั้งของชุดปฏิบัติการป้องกันปราบยาเสพติด สภ.เมืองนครสวรรค์ ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในขณะนั้น ควบคุมตัวนาย จิระพงษ์ ธนะพัฒน์ หรือ มาวิน ผู้ต้องหาคดียาเสพติดมาสอบสวนขยายผล
วงจรปิดในห้อง เป็นหลักฐานสำคัญที่เผยให้เห็นพฤติกรรมของตำรวจกลุ่มนี้ นายจิระพงษ์ ถูกคลุมศรีษะด้วยถุงดำ มือและเท้าถูกพันธนาการ ถูกเค้นเอาข้อมูลด้วยการทรมาน ทั้งทุบหลังและจับกด ก่อนจะใช้ถุงดำซ้อนถึง 7 ชั้น คลุมทับ-หมุนบิดเป็นเกลียว ทำซ้ำ ๆ ต่อเนื่องนานหลายนาที จนผู้ต้องหาคือนายจิระพงษ์ ขาดอากาศและหมดสติ อดีตผู้กำกับโจ้พยายามเอาน้ำราดและปั๊มหัวใจ ก่อนตัดสินใจนำส่งโรงพยาบาล
ทั้งหมดถูกดำเนินคดี 4 ข้อหา ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยการทุจริต ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย และร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่น
การพิพากษาวันนี้ ใช้ระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนท์ สื่อสารกับจำเลยทั้ง 7 ซึ่งอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่เรือนจำ โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้จำเลยจะให้การว่าไม่ได้ประสงค์ให้ถึงแก่ชีวิต แต่การกระทำดังกล่าวสามารถเล็งเห็นได้ว่า หากใช้ถุงดำคลุมศีรษะนานถึง 6 นาที จะเป็นเหตุทำให้เสียชีวิตได้ จึงเชื่อได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า อีกทั้งพฤติการณ์ที่ใช้ถุงดำคลุมศีรษะซ้ำถึง 7 ชั้น และยังช่วยกันจับตัวไม่ให้ผู้เสียชีวิตขัดขืน จึงเป็นลักษณะของการทรมาน
แต่จำเลยทั้ง 7 ได้พยายามช่วยเหลือด้วยการปั๊มหัวใจและส่งโรงพยาบาล และยังช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต ด้วยการวางเงินค่าปลงศพ 3 หมื่นบาท วางเงินบรรเทาผลร้ายให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต 6 แสนบาท จึงพิจารณาลดโทษให้ 1 ใน 3 โดยจำเลยที่ 1-5 และ 7 เหลือโทษจำคุกตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 6 เหลือโทษจำคุก 5 ปี 4 เดือน
ส่วนคำร้องขอให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีจำเลยกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ พ่อกับแม่ในฐานะโจทก์ร่วม บอกว่า ปรึกษาทีมกฏหมายแล้ว ระบุว่าหน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อผู้เสียหาย จากนี้จะปรึกษาทนาย เพื่อฟ้องหน่วยงานของรัฐดังกล่าวโดยตรง