สังคม

เปิดชีวิตหญิงไทยไร้สัญชาติในไต้หวัน ต่อสู้กว่า 20 ปี เพื่อขอกลับมาใช้สัญชาติไทย

โดย pattraporn_a

12 เม.ย. 2565

287 views

โครงการบางกอกคิลนิก คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมการปกครอง จัดเจ้าหน้าที่ทำงานเชิงรุกเพื่อจัดการปัญหาความไร้สัญชาติ ของคนไทยที่เคยถือสัญชาติไทยแต่มีเหตุจำเป็นต้องสละสัญชาติ ด้วยความกลัวและความไม่รู้กฏหมาย ทำให้เธอต้องกลายเป็นคนไร้สัญชาติในไต้หวัน และมีความพยายามจะขอคืนสัญชาติไทย เป็นเวลานานถึง 20 ปี ซึ่งล่าสุดเดินทางกลับมาประเทศไทยด้วยความหวังที่จะได้กลับมาเป็นคนไทยอีกครั้ง


นางสาวสุดารัตน์ ไชยฝาง มีร้อยยิ้มอีกครั้ง หลังได้กลับมาประเทศไทยในรอบ 27 ปี และเห็นความหวังที่จะได้คืนสัญชาติไทย จะกลับมามีบัตรประชาชนคนไทย มีสิทธิ์และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ที่ไม่ใช่คนไร้สัญชาติอย่างที่เธอต้องเผชิญมาตลอด 20 ปีในไต้หวัน


นางสาวสุดารัตน์ ในวัย 45 ปี เป็นชาวมูเซอแดง เกิดที่อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีสัญชาติไทย มีบัตรประชาชน และทะเบียนบ้านในไทยอย่างถูกต้อง เธอออกจากประเทศไทยไปเมื่อปี 2537 หลังแต่งงานกับชาวไต้หวัน ตามคำแนะนำของญาติ โดยจดทะเบียนสมรสกันที่สำนักงานเขตปทุมวัน และเดินทางไปยังไต้หวัน มีลูกกับสามี 3 คนตั้งแต่ปี 2539


จากเด็กสาววัยเพียง 17 ปี ไปใช้ชีวิตในไต้หวันโดยไม่รู้จักใคร แม้แต่สามีตัวเองที่รู้จักเพียง 6 เดือนก่อนเดินทาง แต่ด้วยความหวังการมีชีวิตใหม่ ตั้งใจเรียนรู้ภาษาจีน และได้รับคำแนะนำให้ยื่นขอสัญชาติไต้หวัน ซึ่งกำหนดให้มีเพียงสัญชาติเดียว ทำให้สุดารัตน์ ต้องยื่นขอสละสัญชาติไทย โดยในปี 2545 รัฐไทยออกประกาศกระทรวงมหาดไทย ให้เธอสละสัญชาติไทยได้ แต่เธอมีปัญหากับสามีชาวไต้หวัน จนต้องหนีออกจากบ้าน และถูกสามีฟ้องหย่า ก่อนที่เธอจะได้ยื่นขอสัญชาติไทย ทำให้เธอต้องกลายเป็นคนไร้สัญชาติอยู่ในไต้หวัน ตั้งแต่วันนั้น ถึงวันนี้เป็นเวลา 20 ปี


ตลอด 20 ปีในไต้หวัน นางสาวสุดารัตน์ พยายามจะขอกลับมาใช้สัญชาติไทย แต่ต้องใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัว เป็นคนต่างด้าวที่ไร้สัญชาติทั้งไทยและไต้หวัน ต้องทำงานด้วยความยากลำบาก จึงไม่สามารถที่จะหาเงินเดินทางกลับไทยเพื่อดำเนินการเรื่องนี้ได้


จนเมื่อ 2 ปีก่อน เธอได้รับการช่วยเหลือประสานขอความช่วยเหลือมายัง รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร โครงการบางกอก คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอาสาสมัครพัฒนาสังคม หรือ อพม.ในไต้หวัน ได้ร้องทุกข์ไปยังกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และได้รับคำปรึกษาจาก นางสาวบงกช นภาอัมภร นักศึกษาปริญญาเอกด้านสัญชาติ มหาวิทยาลัยเมลเบริ์น ประเทศออสเตรเลีย และนางสาวศิวนุช สร้อยทอง ทนายความ ดำเนินการประสานงานกับกงสุลไทยในไต้หวัน เพื่อให้สุดารัตน์ ได้กลับประเทศไทย เนื่องจากปัญหาสุขภาพ และให้เธอได้มาขอคืนสัญชาติไทยได้ ซึ่งเป็นสิทธิตามกฏหมายที่สุดารัตน์ จะต้องได้รับ


วันนี้ นางสาวสุดารัตน์ ได้เดินทางไปยังสถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี เพื่อยื่นขอรับรองสิทธิอาศัยถาวร หลังจากสละสัญชาติไทย ซึ่งตามขั้นตอน เพื่อให้เจ้าหน้าที่จัดทำใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ตามมาตรา 8 พรบ.การทะเบียนคนต่างด้าว นำไปสู่การออกทะเบียนบ้าน ทร.14 และบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ก่อนจะนำไปยื่นขอกลับคืนสัญชาติไทย ตามมาตรา 23 พรบ.สัญชาติ ซึ่งต้องใช้เวลาภายใน 90 วัน นางสาวสุดารัตน์ ก็จะได้รับสิทธิสัญชาติไทยกลับคืน โดยระหว่างนี้เธอกลับมาอาศัยกับพี่ชาย ที่เป็นญาติเหลือเพียงคนเดียวในประเทศไทย


ซึ่ง นางมนัสนันท์ ศุภพิทักษ์สกุล พัฒนาสังคมจังหวัดชลบุรี ได้ทราบเรื่องความทุกข์ยากของสุดารัตน์ ในฐานะคนไร้ที่พึ่ง นำเจ้าหน้าที่มาให้การช่วยเหลือ ทั้งปลัดอำเภอเมืองชลบุรี ที่จะช่วยดำเนินการเอกสารทางทะเบียน และทางเทศบาลตำบลบ้านสวน ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาให้การช่วยเหลือทางด้านสุขภาพอย่างเต็มที่ ในระหว่างที่สุดารัตน์ ยังตกอยู่ในสถานะคนไทยไร้สัญชาติ เพื่อให้เธอได้เริ่มกลับมาใช้ชีวิตในประเทศไทยได้อย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ในรอบ 27 ปี

คุณอาจสนใจ

Related News