สำนักพุธฯ เตรียมแจ้งความเอาผิด 5 อดีตพระเถระวัดสระเกศฯ ยันสิ้นจากความเป็นสมณเพศไปแล้ว

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยืนยันว่าอดีตพระเถระวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ซึ่งถูกดำเนินคดีกรณีเงินทอนวัด ได้สิ้นจากความเป็นพระหรือสิ้นสมณเพศไปแล้ว การที่กลับมานุ่งห่มจีวรใหม่อีกครั้ง กระทำไม่ได้

ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานพุทธศาสนา เปิดเผยว่า มติมหาเถระสมาคม ที่ประชุมเมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา มีมติว่าต้องธำรงรักษากฎหมายคณะสงฆ์ ซึ่งมาตรา 30 พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่2 พ.ศ.2535 ระบุว่า เมื่อต้องกักขัง จำคุกตามคำพิพากษาศาล เจ้าพนักงานต้องให้พระภิกษุดำเนินการสละสมณเพศ ซึ่งทั้งหมดดำเนินการไปแล้ว การที่อดีตพระเถระกลับมาสวมใส่จีวร จึงไม่ต่างจากการต่างกายเลียนแบบพระสงฆ์ เป็นความผิดกฎหมายอาญามาตรา 208 ฐานแต่งกายเลียนแบบ พระสงฆ์ มีความผิดจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท

คดีของอดีตพระเถระทั้ง 5 ที่ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดและรอลงอาญาคือ 1.ร่วมกันกระทำผิดตาม พ.ร.บ ปราบปรามการฟอกเงิน งบประมาณปี 2542 จากงบอุดหนุนโครงการศูนย์กลางเผยแผ่กิจการพระพุทธศาสนาฯ / ความผิดที่ 2 ร่วมกันกระทำผิดตามพรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯเงินโครงการอุดหนุนการเผยแผ่กิจการพระพุทธศาสนาปี 2558 และความผิดที่ 3 เป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่ พศ.ให้ทุจริตงบอุดหนุนโครงการอบรมจริยธรรมฯ ปี 2559 ซึ่งอดีตพระเถระมีโทษปรับและจำคุกในแต่ละคดีแตกต่างกันไป โดยโทษจำคุกรอลงอาญา

ขณะเดียวกัน โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติยืนยันว่า กรณีบุคคลที่เป็นไวยาวัจกร ตีความว่าอดีตพระเถระดังกล่าวไม่ผิดด้วยหลายเหตุผล และเห็นว่ากลับมาครองจีวรได้นั้น โดยคณะสงฆ์ในวัดดังกล่าว ทำพิธีรับอดีตพระเถระ กลับเข้าคณะสงฆ์ยืนยัน ตามหลักแล้ว คณะสงฆ์ ตามกฎหมายคือมหาเถระสมาคม

ขณะเดียวกัน โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติยืนยันว่า กรณีบุคคลที่เป็นไวยาวัจกร ตีความว่าอดีตพระเถระดังกล่าวไม่ผิดด้วยหลายเหตุผล และเห็นว่ากลับมาครองจีวรได้นั้น โดยคณะสงฆ์ในวัดดังกล่าว ทำพิธีรับอดีตพระเถระ กลับเข้าคณะสงฆ์ยืนยัน ตามหลักแล้ว คณะสงฆ์ ตามกฎหมายคือมหาเถระสมาคม