พระราชสำนัก

ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ ไปในการพระราชพิธี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน

โดย chiwatthanai_t

19 ต.ค. 2565

40 views

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดบวรนิเวศวิหาร และวัดมกุฏกษัตริยาราม


วันนี้ เวลา 16.26 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ถวายผ้าพระกฐิน โอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงปฏิบัติหน้าที่ผู้บังคับแถวทหารมหาดเล็กรับเสด็จ


วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เดิมชื่อวัดใหม่ สันนิษฐานว่า ได้รับพระราชทานชื่อ เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยุ่หัว ทรงอาราธนา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช ขณะทรงผนวชอยู่ ณ วัดสมอราย หรือวัดราชาธิวาส ให้ทรงเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก เมื่อปี 2379 และได้ทรงก่อตั้งคณะธรรมยุติกนิกายขึ้น วัดบวรนิเวศวิหาร จึงเป็นวัดต้นแบบของคณะธรรมยุต


ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ ยุบรวมวัดรังษีสุทธาวาส ที่อยู่ติดกันเข้ากับวัดบวรนิเวศวิหาร ปัจจุบันยังคงเรียกส่วนที่เป็นวัดรังษีสุทธาวาสเดิมว่า "คณะรังษี" ทั้งนี้วัดบวรนิเวศวิหาร ถือเป็นวัดประจำรัชกาล พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตลอดจนเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ ที่เสด็จออกทรงผนวชหลายพระองค์ และเป็นที่สถิตของสมเด็จพระสังฆราชถึง 4 พระองค์


เมื่อพระสงฆ์ทำพิธีกฐินกรรมแล้ว ทรงจุดธูปเทียนถวายสักการะพระรูป สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์, สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส, สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ และพระอัฐิสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) พระราชกรรมวาจาจารย์ ทรงทอดผ้าไตร และถวายเครื่องบริวารพระกฐิน


วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ คือ พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา สร้างโดย พระมหาธรรมราชาลิไท สมัยกรุงสุโขทัย สมัยเดียวกับพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก รวมถึงเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธบาทคู่บนศิลาแผ่นใหญ่สมัยสุโขทัย และพระไสยา หรือพระนอนที่งดงาม นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งกำเนิดการศึกษาของคณะสงฆ์ คือ มหามกุฏราชวิทยาลัย


ซึ่งได้พัฒนาเป็นมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งแรกของไทย เป็นที่กำเนิดการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรม หรือ "นักธรรม" อันเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานของคณะสงฆ์ ปัจจุบันมี พระธรรมวชิรญาณ" (จิรพล อธิจิตฺโต) รักษาการเจ้าอาวาส มีพระสงฆ์ รวม 113 รูป


เวลา 17.15 น. เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดมกุฎกษัตริยาราม เป็นวัดที่ 2 ซึ่งเป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้สร้างขึ้นเมื่อปี 2411 ก่อนเสด็จสวรรคตเพียง 99 วัน


โดยมีลักษณะพิเศษเฉพาะ คือ เป็นวัดในเขตกรุงรัตนโกสินทร์ ที่มีเสมา 2 ชั้น ชั้นแรกเรียกว่า "มหาสีมา" อยู่ในซุ้มที่มุมกำแพงรอบวัด และยังมีเสมารอบพระอุโบสถอีกชั้นเรียกว่า "ขัณฑสีมา" ซึ่งพระสงฆ์สามารถประชุมทำสังฆกรรมได้ทั้งพระอุโบสถ และพระวิหาร สำหรับพระวิหารและพระอุโบสถ รวมถึงหน้าบัน และด้านบนของซุ้มประตูหน้าต่าง จะมีลายพระมหามงกุฏอันเป็นตราประจำรัชกาลที่ 4 และผนังด้านในพระอุโบสถ เขียนภาพจิตรกรรมอันหลากหลายแตกต่างจากวัดอื่น


เช่น เรื่องพระสาวกในบาลี และอรรถกถา พระอัครสาวก 11 พระองค์ อัครสาวิกา 8 องค์ ภาพการบำเพ็ญกรรมฐาน สิ่งที่พึ่งปฏิบัติเนื่องด้วยธรรมวินัย ธุดงควัตร บนบานหน้าต่างและบานประตูด้านใน เขียนพระสูตรที่เป็นคาถา ด้วยตัวอักษรบรรจง ปัจจุบัน พระราชสุมนต์มุนี เป็นเจ้าอาวาส มีพระสงฆ์ และสามเณร จำพรรษา 81 รูป


จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ไปยังที่ประดิษฐานพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช ทรงวางพวงมาลัย แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ถวายราชสักการะ ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับด้วย