พระราชสำนัก

ในหลวง-พระราชินี ทรงบวงสรวงพระหลักเมือง ในโอกาสกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 240 ปี

โดย panwilai_c

10 พ.ค. 2565

69 views

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงบวงสรวงพระหลักเมือง เนื่องในโอกาสกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 240 ปี



วันนี้ เวลา 17.05 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปยังศาลหลักเมือง ทรงบวงสรวงพระหลักเมือง เนื่องในโอกาสกรุงรัตนโกสินทร์ ครบ 240 ปี โอกาสนี้ เสด็จเข้าหอพระพุทธรูป ทรงวางพวงมาลัย แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่ง บูชาพระพุทธรูปประจำหอพระ ทรงวางพวงมาลัย และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสักการะพระเสื้อเมือง, พระทรงเมือง, พระกาฬไชยศรี, เจ้าหอกลอง และเจ้าเจตคุปต์ ณ ศาลเทพารักษ์



จากนั้น เสด็จเข้าศาลหลักเมือง ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสักการะพระหลักเมืองแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปยังมณฑลพิธีบวงสรวงพระหลักเมือง ทรงจุดเทียนทอง เทียนเงิน และธูปที่โต๊ะเครื่องบวงสรวงสังเวย ทรงจุดธูปหางปักที่เครื่องบวงสรวงสังเวย และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย จากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ อ่านประกาศบวงสรวงพระหลักเมือง จบแล้ว ทรงโปรยดอกไม้ ที่โต๊ะเครื่องบวงสรวงสังเวย



ต่อจากนั้น เสด็จเข้าศาลหลักเมือง ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิม ทรงปิดทอง และทรงผูกผ้าสีชมพูที่เสาพระหลักเมือง รัชกาลที่ 1 และทรงพระสุหร่าย ทรงเจิม ทรงปิดทอง และทรงผูกผ้าสีชมพูที่เสาพระหลักเมือง รัชกาลที่ 4 แล้วทรงกราบที่หน้าเสาพระหลักเมือง



ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร สร้างขึ้นเมื่อปี 2325 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้มีพระราชพิธียกเสาหลักเมืองขึ้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2325 เป็นเสาไม้ชัยพฤกษ์ มีไม้แก่นจันทน์ประกับนอก ยอดเสารูปบัวตูม บริเวณใจกลางพระนครใหม่ ที่พระราชทานนามว่า "กรุงรัตนโกสินทร์อินท์อโยธยา" หรือเรียกกันต่อมาว่า "กรุงเทพมหานคร"



และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้สร้างศาลประดิษฐานรูปเทพารักษ์สำคัญ คือ ศาลพระเสื้อเมือง ศาลพระทรงเมือง ศาลพระกาฬไชยศรี ศาลเจ้าเจตคุปต์ และศาลเจ้าหอกลอง ต่อมาในปี 2395 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้สถาปนาเสาหลักเมืองต้นใหม่แทนต้นเดิมที่ชำรุดไปตามกาลเวลา เป็นเสาไม้สักเป็นแกนอยู่ภายใน ประกับด้วยไม้ชัยพฤกษ์ ยอดเสาเป็นยอดเม็ดทรงมัณฑ์ พร้อมบรรจุดวงชะตาพระนครใหม่ เพื่อให้ประเทศชาติและราษฎร ที่อยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภาร ประสบความเจริญรุ่งเรืองวัฒนาถาวรยิ่งขึ้น



ส่วนหลักเมืองเดิม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เชิญขึ้นตั้งพิงไว้ในศาลใกล้กับหลักเมืองใหม่ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ปรับปรุงพระนครครั้งใหญ่ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้อัญเชิญเทพารักษ์ทั้ง 5 ศาล มาประดิษฐานรวมกันในศาลหลักเมือง



ปี 2464 กระทรวงกลาโหม ได้รับโอนที่ดินที่ตั้งศาลหลักเมืองเป็นของกระทรวงฯ และมอบให้กรมเชื้อเพลิง เป็นผู้ดูแลศาลหลักเมือง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กรมเชื้อเพลิงถูกยุบหน่วยงาน จึงมอบให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นผู้ดูแลมาตั้งแต่ปี 2491



ในปี 2513 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีสังเวยสมโภชพระหลักเมือง และในปี 2525 ได้ เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีสมโภชหลักเมือง และทรงบำเพ็ญพระราชกุศลบวงสรวงเทพารักษ์ เนื่องในโอกาสงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ครบ 200 ปี ซึ่งมีพระราชดำริให้ปรับปรุงศาลหลักเมือง และอาณาบริเวณรอบศาลฯ ให้กว้างใหญ่งดงามเป็นสง่า สมกับเป็นที่ประดิษฐานแห่งเทพารักษ์ที่รักษาพระนคร และที่เคารพสักการะของประชาชน



โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะดำรงพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์การดำเนินการปรับปรุงศาลหลักเมือง ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตร และมีพระราชกระแสรับสั่งให้ดำเนินการปรับปรุง



โดยยึดรูปแบบอาคารศาลที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช ทรงสร้างไว้เป็นหลัก รวมทั้งพระราชทานเงินจากผู้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายโดยเสด็จพระราชกุศล สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานฯ และทรงประกอบพิธีอัญเชิญเทพารักษ์ขึ้นประดิษฐาน ณ ศาลเทพารักษ์ เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2528 และทรงยกนภศูลขึ้นประดิษฐาน ณ ยอดปรางค์ของอาคารศาลหลักเมือง เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2529 เมื่อการบูรณปฏิสังขรณ์แล้วเสร็จ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีสมโภชพระหลักเมือง เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2529 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงบวงสรวงพระหลักเมือง ตามโบราณราชประเพณี เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2562



เวลา 17.49 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายแอลลัน เจมส์ มักคินนัน (Mr. Allan James Mckinnon) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลลา ในโอกาสที่จะพ้นจากหน้าที่



เวลา 18.07 น. นายมาเร็ก ลิบชีตซกี (Mr. Marek Libricky’) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเช็กประจำประเทศไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลลา ในโอกาสที่จะพ้นจากหน้าที่