ศบค.เคาะผ่อนคลายมาตรการ - ฟื้นรับนักท่องเที่ยว Test and Go

สังคม

ศบค.เคาะผ่อนคลายมาตรการ - ฟื้นรับนักท่องเที่ยว Test and Go

โดย panisa_p

20 ม.ค. 2565

180 views

ศบค. ขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินคุมโควิดอีก 2 เดือนสิ้นสุด 31 มี.ค. เคาะผ่อนคลายมาตรการให้ “พื้นที่เฝ้าระวังสูง-นำร่องท่องเที่ยว นั่งดื่มสุราได้ไม่เกิน 5 ทุ่ม พร้อมฟื้นรับนักท่องเที่ยว Test and Go รับทุกประเทศ เริ่มลงทะเบียน 1 ก.พ.65 พร้อมปรับเงื่อนไขใหม่เข้ม



นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. แถลงภายหลังการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบขยายประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกไปอีก 2 เดือน ครั้งที่ 16 มีผลตั้งแต่ 1 ก.พ.-31 มี.ค.2565 พร้อมปรับระดับสีพื้นที่สถานการณ์ โดยลดพื้นที่ควบคุมสีส้ม จาก 69 จังหวัด เหลือ 44 จังหวัด / และกำหนดให้ 25 จังหวัด ลงมาอยู่ในระดับพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) แทน ส่วนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวสีฟ้า ยังคง 8 จังหวัดตามเดิม ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค.65 เป็นต้นไป



สำหรับ 25 จังหวัด จะมีการผ่อนคลายกิจการ-กิจกรรมมากขึ้น อาทิ การจัดกิจกรรมรวมกลุ่มมากกว่า 500 คน เป็นมากกว่า 1 พันคน / และกรณีของร้านอาหาร จะสามารถนั่งดื่มสุราได้ เช่นเดียวกับพื้นที่นำร่องสีฟ้า โดยขยายเวลาจากเดิม 3 ทุ่ม มาเป็นไม่เกิน 5 ทุ่ม แต่ย้ำต้องเป็นร้านที่ผ่านมาตรฐาน SHA+ หรือ Thai stop covid 2 plus และปฏิบัติตามมาตรการ Covid free Setting อย่างเคร่งครัด ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด หากพบฝ่าฝืนให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด




ส่วนกรณีสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ต้องการปรับมาเป็นร้านอาหารนั้น โฆษกศบค. ระบุว่าให้ผู้ประกอบการปรับมาตรการตามที่กำหนด และขออนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและกทม.ได้เมื่อมีความพร้อม โดยไม่มีการกำหนดระยะเวลา จากเดิมก่อนวันที่ 15 ม.ค.



ขณะที่เรื่องมาตรการ เวิร์คฟอร์มโฮม จากเดิมที่ขอความร่วมมือดำเนินการภายใน 31 ม.ค.นี้ ในที่ประชุมศบค.ไม่มีการขยายเวลาเพิ่มเติม โดยขอให้หน่วยงานพิจารณาความเหมาะสม



นอกจากนี้ที่ประชุมศบค. ยังเห็นชอบมาตรการเดินทางเข้าประเทศ โดยฟื้นการใช้รูปแบบTest and Go เริ่มลงทะเบียนได้ 1 ก.พ.2565 ซึ่งอนุญาตให้เข้ามาได้ทุกประเทศ พร้อมปรับการตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง มีหลักฐานการจองโรงแรมที่พักในวันแรกและในวันที่ 5 โดยเป็นโรงแรมที่มีโรงพยาบาลคู่สัญญา (SHA++AQ OQ หรือ AHQ) รวมถึงมีหลักฐานชำระเงินการตรวจหาเชื้อจำนวน 2 ครั้ง จัดระบบการตรวจสอบและกำกับการเข้าที่พักและตรวจหาเชื้อให้ครบสองทางโดยต้องรออยู่ในห้องพัก หรือสถานที่ที่กำหนดจนกว่าจะได้รับผลการตรวจ และกำหนดระบบประกันให้ชัดเจนกรณีประกันไม่ครอบคลุมผู้เดินทางจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ทั้งนี้กรณีเกิดการแพร่ระบาดมากขึ้นหรือสถานการณ์เปลี่ยนแปลง จะพิจารณาการรับผู้เดินทาง แล้วปรับใช้ระบบนำร่องพื้นที่การท่องเที่ยวแซนด์บ็อกซ์



ขณะเดียวกันศบค.ยังได้เพิ่มพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ ที่จะเปิดให้ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.เป็นต้นไป คือ จ.ชลบุรี ที่อำเภอบางละมุง เมืองพัทยา ศรีราชา เกาะสีชัง สัตหีบ เฉพาะตำบลนาจอมเทียนและบางเสร่ รวมถึง จ.ตราด ที่เกาะช้าง และการเปิดพื้นที่ให้เดินทางเชื่อมโยงในกลุ่มพื้นที่จังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) ในช่วง 7 วันที่ต้องพำนักในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว โดยยังคงเคร่งครัดการมีหลักฐานจองที่พัก 7 วันในโรงแรมที่กำหนดและการตรวจ RT-PCR 2 ครั้ง ในวันแรก และ ช่วงวันที่ 5-6 พร้อมปรับมาตรการในการติดตามตัวเพื่อให้สามารถดําเนินการและติดตามได้



“ผอ.ศบค.เน้นย้ำว่าต้องมีระบบตรวจสอบย้อนกลับให้ได้ในนักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางเข้ามา หลายประเทศและยกเลิกมาตรการดังกล่าวไปแล้วพอสมควรถึงว่าประเทศไทยถือว่าอยู่ในระดับกลาง เพื่อพยายามให้มีการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจเพราะคนไทย นักเรียน นักศึกษายังคงต้องการกลับมายังประเทศไทย ซึ่งถือว่าระบบดังกล่าวยังมีความสำคัญ เนื่องจากถือเป็นแหล่งรายได้ทั้งตลาดในประเทศประมาณ 137,712 ล้านบาท และตลาดต่างประเทศ 26,065 ล้านบาท





(ข้อมูล 25 จังหวัดสีเหลือง - กำแพงเพชร ชัยนาท ชัยภูมิ นครพนม นครสวรรค์ นราธิวาส บึงกาฬ ปัตตานี พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ ยะลา ลำปางลำพูน เลย สกลนคร สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี หนองบัวลำภู อ่างทอง อำนาจเจริญ อุตรดิตถ์และอุทัยธานี)


คุณอาจสนใจ

Related News