สาวม้งขอเปิดใจบ้าง ดราม่าทิ้งหนุ่มเมืองกรุง ไปแต่งงานหนุ่มม้ง เผยรอนานแล้วไม่มาสู่ขอสักที

สังคม

สาวม้งขอเปิดใจบ้าง ดราม่าทิ้งหนุ่มเมืองกรุง ไปแต่งงานหนุ่มม้ง เผยรอนานแล้วไม่มาสู่ขอสักที

โดย pattraporn_a

18 ม.ค. 2565

3.5K views

หนุ่มวัย 26 ปี โพสต์เรื่องราวในโลกออนไลน์ กรณีคบกับหญิงสาวกลุ่มชาติพันธุ์ (ม้ง) ก่อนที่ฝ่ายจะเดินทางกลับบ้านไปได้เพียง 3-4 วัน และทราบข่าวว่าฝ่ายหญิงถูกฉุดให้ไปแต่งงานกับหนุ่มในกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกัน โดยอ้างว่าเป็นประเพณี ทำให้ฝ่ายชายขับรถตามไปถึงหมู่บ้านที่จังหวัดตาก ล่าสุดฝ่ายหญิงแจง ตนเอง ยินยอมแต่งเอง ไม่ได้ถูกฉุด วอนเข้าใจประเพณีของกลุ่ม


เรื่องราวนี้ทุกโพสต์โดยคุณเต๋า อายุ 26 ปี ใน Facebookส่วนตัว และติ๊กต็อก เล่าว่า ตนขับรถ 5 ชั่วโมง จากกรุงเทพฯ เพื่อไปตามแฟนสาวที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ ที่คบกันมา 2 ปี กลับบ้านที่จังหวัดตาก แล้วถูกโดนลักพาตัว ไปข่มขืน ก่อนบังคับแต่งงาน แต่ต่อมาทราบว่าพ่อแม่ของแฟนสาวได้ยกให้คนที่ลักพาตัวไป โดยให้ทั้งสองคนแต่งงานกันตามประเพณี ตนเองจึงเดินทางมาเพื่อช่วยเหลือแฟนสาว แต่กลับต้องขับรถกลับตัวเปล่า เพราะฝ่ายหญิงเลือกที่จะแต่งงานกับชายที่ฉุดไป

โดยคุณเต๋าและเพื่อน ขับรถกันไปสามคัน ถึงที่หนิาบ้านอุ้มเปี้ยม อำเภอพบพระ จังหวัดตาก พร้อมกับไลฟ์สดเหตุการณ์ ว่าพยายามที่จะขอพบหน้าฝ่ายหญิง แต่กลับถูกปฏิเสธ ทำให้ไม่พอใจ และมีเจ้าหน้าที่ทหาร อส. และกำนันผู้ใหญ่บ้านเข้ามาเจรจาไกลเกลีย ซึ่งในไลฟ์สดมีการระบุว่าฝ่ายหญิงไม่ได้มีพฤติกรรมไม่ดี แต่สาเหตุที่ต้องแต่งเพราะเป็นประเพณี แต่ไม่ได้ว่าเหมารวมกลุ่มชาติพันธุ์ เพียงแต่ไม่เข้าใจ และต้องการฟังจากปากฝ่ายหญิงเองว่าถูกบังคับหรือไม่

กระทั่งบางช่วงของการไลฟ์สดมีการระบุว่าหากฝ่ายหญิงบอกว่าโดนทำร้ายแล้วอยากกลับกรุงเทพก็จะพากลับทันที แต่ก็จะถูกพ่อแม่ตัดหางปล่อยวัด แต่หากฝ่ายหญิงยืนกรานจะอยู่ที่หมู่บ้าน ต้นก็พร้อมยอมรับ พร้อมกับระบุว่าขอให้ช่วยกันแชร์เพื่อเป็นอุทาหรณ์

ก่อนที่จะมีการไลฟ์สดอีกครั้งว่า ฝ่ายหญิงออกมาพูดคุยแล้ว โดยมีการนั่งพูดคุน เจรจากัน ทั้งฝ่ายหญิงและญาติ รวมถึงเจ้าหน้าที่ทหาร อส. และกำนันผู้ใหญ่บ้าน และคุณเต๋าฝ่ายชาย โดยฝ่ายหญิงยืนยันว่า จะแต่งงานกับคนกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกัน ทำให้คุณเต๋าเดินออกจากวงเจรจาทันที

ทีมข่าวคุณชญตร์ ได้ติดต่อไปพูดคุยกับ นายเต๋า เจ้าตัวเล่าว่า ตนกับแฟนสาวอายุ 20 ปี คบหา และอยู่กันมาประมาณสองปีที่กรุงเทพ กระทั่งเมื่อวันที่ 12 มกราคม ฝ่ายหญิงได้วันหยุด 4-5 วัน จึงเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดตาก ซึ่งตนกับฝ่ายหญิง ก็มีการพูดคุยกันตลอด

กระทั่งวันที่ 15 มกราคม ฝ่ายหญิง ยังส่งข้อความมาตอน 11.11 น. ว่าคิดถึงจัง ก่อนที่ประมาณช่วงบ่าย 3 บ่าย 4 จะไม่สามารถติดต่อได้


จนประมาณสี่ทุ่ม น้องสาวของฝ่ายหญิง ได้ติดต่อมาว่า แฟนสาวของตนถูกลักพาตัว ทำให้ตนรู้สึกตกใจ และพยามติดต่อทุกช่องทาง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ สุดท้ายจึงติดต่อไปทางพ่อแม่ของฝ่ายหญิง โดยพ่อแม่บอกว่า ฝ่ายหญิงไม่ได้ถูกลักพาตัว แต่ยินยอมที่จะแต่งงาน ตนจึงสงสัยว่า ตอน 11 โมงกว่าๆ ยังบอกคิดถึง และโทรศัพท์หากัน จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ จึงคิดว่าฝ่ายหญิงอาจถูกบังคับข่มขู่


ในคืนวันนั้น จึงตัดสินใจขับรถออกจากกรุงเทพไปที่อำเภอพบพระ แต่ GPS ในโทรศัพท์ ไปขึ้นที่บ้านอุ้มเปี้ยม ห่างจากบ้านของฝ่ายหญิงไปประมาณครึ่งชั่วโมง ตนจึงขับรถไปถึงหมู่บ้านประมาณ 6โมงกว่าๆ เกือบ 7 โมง


ระหว่างนั้นฝ่ายหญิงทักมาว่า ว่าขอโทษอาจจะไม่สามารถคบกับต้นต่อไปได้ เพราะประเพณีของหนู ทำให้ไม่สามารถเดินออกไปจากจุดนี้ได้ วันนี้อาจเป็นวันสุดท้าย ที่จะได้คุยกับตนเอง จึงพิมพ์กลับไปว่าจะไปช่วยเหลือเอง เพราะเข้าใจว่าฝ่ายหญิงถูกลักพาตัวกักขังหน่วงเหนี่ยว


เมื่อไปถึงหน้าหมู่บ้าน เต๋าก็ได้เจอกับญาติของฝ่ายชาย ที่จะแต่งงานกับแฟนตนเอง จึงถามหาฝ่ายหญิง แต่ก็ถูกปฏิเสธ ทำให้ตนโวยวาย ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่ทหาร อส. และ กำนัน มาช่วยเคลียร์ให้ สุดท้ายได้ข้อสรุปว่าจะให้ฝ่ายหญิงมาคุยกับตน ซึ่งตนยินดี หากฝ่ายหญิงยืนยันว่าไม่ได้ถูกบังคับ และจะแต่งงาน โดยทางเจ้าหน้าที่ให้คนไปรอที่ฐานปฏิบัติการอุ้มเปี้ยมนานกว่า 7 ชั่วโมง


ประมาณช่วงบ่าย จึงได้เจอกับฝ่ายหญิง ฝ่ายหญิงบอกว่ากับตนว่า พี่หนูรักพี่(เต๋า) นะ และหนูก็รักพี่(ผู้ชายคนใหม่) เขาด้วย แต่หนูขอเลือกพี่เขาแล้วแต่งงานกับพี่เขา ตนถามว่าถูกบังคับหรือไม่พร้อมกับให้เปิดแขนเสื้อดูแผล ฝ่ายหญิงก็บอกว่าไม่ได้ถูกลักพาตัวหนูยินยอมมาเอง ตนจึงเดินออกเลย พร้อมกับความรู้สึกช็อก และยังข้องใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


เต๋า ยืนยันว่าไม่เคยเห็นฝ่ายหญิงคุยกับชายอื่นเลย เลยทำให้มั่นใจว่าฝ่ายหญิงถูกฉุดไป และตนเองมีการกล่าวก้าวล่วงประเพณีของกลุ่มชาติ พันธ์ ซึ่งตนได้มีการขอโทษไปแล้ว ส่วนตัวพร้อมรับความผิดที่ก่อขึ้น และพร้อมกราบขอโทษขอขมาทุกคน รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์ ที่อยู่ในจังหวัดตากด

ส่วนสาเหตุของการโพสต์ เพื่อต้องการเตือนเป็นอุทาหรณ์ผู้อื่น หลังจากนี้ จะขอเดินหน้าต่อ พร้อมกับนำข้าวของฝ่ายหญิงไปทิ้ง หลังจากนี้ จะไม่คาราคาซัง ขอกลับมาใช้ชีวิตปกติ และขอให้ฝ่ายหญิงโชคดี ต่างคนต่างอยู่

ขณะที่ฝ่ายหญิง ได้โพสต์ Facebook ส่วนตัวชี้แจงว่า ไม่ได้ถูกฉุด หรือถูกกระทำชำเรา ตนเองเต็มใจแต่งงาน รวมถึงระบุว่าที่ผ่านมาเคยบอกฝ่ายชายแล้วว่าหากอยากแต่งงานให้มาสู่ขอ แต่ผู้ชายไม่เคยทำ พร้อมบอกว่าอย่าไปแต่งกับใครก็ไป เมื่อมาถึงวันนี้ฝ่ายหญิงเจอคนที่อยากแต่งงาน โดยขอให้อย่ามารบกวนตนเองกับสามีอีกเลย


นอกจากนี้ยังมีการระบุว่าประเพณีของกลุ่มเป็นสิ่งที่ดีงาม ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการฉุดผู้หญิงมาแต่งงาน แต่กรณีของตนเต็มใจที่จะมา ไม่ใช่ถูกฉุดหรือลักพาตัวซึ่งเป็นคดีอาญา ยังระบุว่าตามหาทนายความที่มีความสามารถในการยื่นฟ้องดำเนินคดีกับบุคคลที่มาว่าร้ายใส่ความให้เกิดความเสียหายด้วย โดยหลังจากฝ่ายหญิงโพสต์ไม่นานก็ลบออกไป


ทีมข่าวพยายามติดต่อไปที่ฝ่ายหญิง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ รวมถึงครอบครัวของฝ่ายหญิง จึงได้สอบถามข้อเท็จจริงไปยัง นายนิวัฒน์ อาชาวัฒนากุล กำนันบ้านอุ้มเปี้ยม ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์และเป็นผู้เจรจาไกล่เกลี่ย เราว่าเมื่อวันที่ 16 มกราคม ตนได้รับแจ้งจากในหมู่บ้านว่าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น จึงไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ทหาร และ อส. โดยพยายามทำความเข้าใจและอธิบายเกี่ยวกับประเพณีให้ฝ่ายชายเข้าใจ พร้อมกับให้พูดคุยกับฝ่ายหญิง


จากที่ตนได้พูดคุยกับฝ่ายหญิงทราบว่า ฝ่ายหญิงตัดสินใจแต่งงานกับชายที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยกัน เพราะที่ผ่านมาเคยบอกให้นายเต๋ามาสู่ขอแล้ว แต่ฝ่ายชายไม่มาสู่ขอ


ในลักษณะของทั้งคู่ ก็คือหนึ่งในประเพณี โดยยืนยันว่าไม่ได้มีการฉุดกระชากลากไปกระทำชำเราตามที่เข้าใจกัน และขอให้เข้าใจประเพณีวัฒนธรรมของกลุ่ม ซึ่งหากฝ่ายหญิงไม่ยินยอมหรือมีการร้อง การแต่งงานดังกล่าวก็จะถูกยุติไป แต่กรณีนี้ใส่หญิงยินยอม เต็มใจ

ด้านนายภูภาณุวัชร์ ทองสีห์สุชัย นายกสมาคมม้งกรุงเทพและเครือข่าย อธิบายถึงประเพณีข้อเท็จจริงว่า การฉุดลากไปแต่งงาน เมื่อสมัย 30 ถึง 40 ปีที่ผ่านมา เคยมีขึ้นจริง แต่ปัจจุบันโลกเปลี่ยนไป ความเป็นอยู่เปลี่ยนไปทำให้การฉุดดังกล่าวไม่มีอยู่แล้ว ที่ผ่านมา มีการประชุมหารือของสมาคม และชมรมตระกูลแซ่ 16 ตระกูล ขอร้องรณรงค์ไม่ให้เกิดขึ้น เพราะมีความเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย


ซึ่งตามขั้นตอนการสู่ขอ เพื่อให้เกียรติญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิง ก็จะให้ฝ่ายเจ้าบ่าวเข้ามาสู่ขอ ก่อนตั้งเป็นกรรมการ เข้าไปที่บ้านของฝ่ายหญิง เพื่อเจรจา สู่ขอ ซึ่งหากฝ่ายหญิงเห็นพ้องต้องกัน ทางฝ่ายหญิง ก็จะตั้งคณะกรรมการของฝ่ายผู้หญิงเพื่อทำพิธีแต่งงาน


ทั้งนี้อยากฝากไปยังประชาชนทุกคน ที่กล่าวถึงกรณีฉุดไปเพื่อกระทำชำเรา เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และผิดกฎหมาย ซึ่งทางกลุ่มชาติติพันธ์มีวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมที่ดีงาม และมีการปรับปรุงพัฒนาตามยุคสมัย ขอให้ทำความเข้าใจและศึกษาวัฒนธรรมที่ถูกต้อง


ชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/347i9_l8J4A

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ