ออกหมายจับ หน.รปภ.คอนโด ข่มขืนลูกบ้าน อ้างแอบมองมานาน บอกแม่จะเข้ามอบตัว แต่ขอทำใจก่อน

สังคม

ออกหมายจับ หน.รปภ.คอนโด ข่มขืนลูกบ้าน อ้างแอบมองมานาน บอกแม่จะเข้ามอบตัว แต่ขอทำใจก่อน

โดย thichaphat_d

6 ม.ค. 2565

1.1K views

จากกรณีนายมนตรี ใหญ่กระโทก อายุ 40 ปี หัวหน้า รปภ.คอนโดฯ แห่งหนึ่งย่านบางแค ก่อเหตุใช้กำลังบังคับใส่กุญแจมือบุกข่มขืนลูกบ้านหญิงสาวอายุ 36 ปี บนห้องพักในคอนโด โดยนิติบุคคลฯ ไม่ให้ความร่วมมือกับตำรวจในการเข้าไปจับกุมอ้างว่าไม่มีหมายค้นและอยู่ในยามวิกาลจนคนร้ายหลบหนี

เหตุการณ์นี้กล้องวงจรปิดจับภาพชัดเจน โดยเวลา 23.44 น. ของวันที่ 3 ม.ค. ผู้เสียหายหญิงวัย 36 ปี กลับมาถึงห้องพัก แต่ลืมกุญแจไว้ในห้อง จึงได้ตาม นายมนตรี ใหญ่กระโทก หัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยของคอนโดใครช่วยเปิดประตูให้ แต่ก็เปิดไม่ได้จึงต้องตามช่างกุญแจมาช่วยเปิด

กระทั่งเวลาเที่ยงคืน เข้าสู่วันที่ 4 ม.ค. ผู้เสียหายนั่งรออยู่หน้าห้อง ก่อนที่หัวหน้า รปภ.และช่างจะกลับมาช่วยเปิดประตูให้ โดยหลังเปิดประตูได้ นายมนตรี หัวหน้า รปภ. ของคอนโด ก็ลงไปส่งช่างกุญแจ

เวลา 24.30 น. ของวันที่ 4 ม.ค.นายมนตรี ย้อนกลับขึ้นมาเคาะห้องของผู้เสียหาย โดยยืนพูดคุยกันอยู่หน้าห้องสักพักก็ฉวยโอกาสผลักผู้เสียหายเข้าไปในห้อง ใช้กุญแจมือล็อคผู้เสียหายเอาไว้ แล้วลงมือข่มขืนกระทำชำเรา หลังก่อเหตุได้เดินออกจากห้องของผู้เสียหายช่วงเวลา 24.55 น.แล้วหลบหนีไป

จนกระทั่งเวลาประมาณ 01:40 น.ผู้เสียหายไม่ได้ออกมาจากห้องแต่อย่างใด จนมีญาติที่เป็นตำรวจเดินขึ้นไปหา เมื่อเคาะปประตูเรียก ผู้เสียหายเปิดประตูอออกมาพร้อมกับร้องไห้และสวมกอดญาติ ก่อนที่ญาติจะเปิดประตูออกมาอีกรอบแล้วถามว่ายามที่นี่มีกี่คน ก่อนจะพาลงมารอพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ส่วนตัวของ นายมนตรี หลังเกิดเหตุได้หลบซ่อนอยู่ในคอนโดเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง โดยภาพจากกล้องวงจรปิดด้านหลังคอนโด

ในเวลา 02.08 น. จะเห็นเงาของ นายมนตรี กระโดดข้ามรั้วด้านหลัง ปีนเสาไฟฟ้าออกไป แต่ในช่วงเวลาที่หลบซ่อนอยู่ในคอนโดนั้น นายมนตรี สามารถหลบกล้องวงจรปิดได้เป็นอย่างดี จึงไม่สามารถทราบได้ว่าไปหลบอยู่ส่วนไหน ทั้งนี้หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางมาตรวจสอบ ก็พบกระเป๋าเป้สัมภาระของนายมนตรีอยู่ในห้องพัก รปภ. ซึ่งภายในกระเป๋ามีกุญแจมือ และอาวุธมีดอยู่ด้วย

จากการสอบถามเจ้าของพื้นที่ ระบุว่า พื้นที่นี้มีรั้วล้อมปิดทุกทาง หากจะหนีออกไปก็ต้องปีนออกเท่านั้นโดยกำแพงด้านหลังจะอยู่ติดกับทางเดินเลียบคลอง ซึ่งสามารถทะลุออกไปได้หลายทาง ทั้งนี้ในคืนที่เกิดเหตุ ช่วงกลางดึกชาวบ้านก็ได้ยินเสียงหมาเห่าเสียงดัง โดยชาวบ้านบอกว่า หมามักจะเห่าเวลาที่เห็นคนแปลกหน้า

นายเกียงคำ สาระวัลย์ อายุ 57 ปี รปภ.ที่ประจำอยู่ป้อมหน้าคอนโดคืนเกิดเหตุ เปิดเผยว่า คืนนั้นตนประจำการอยู่ที่ป้อมหน้า โดยช่วงเวลาประมาณตี 1 ทราบว่า ‘หัวหน้ามนตรี’ ได้พาช่างกุญแจขึ้นไปเปิดห้องให้กับลูกบ้าน พอช่างกุญแจกลับไป หัวหน้ามนตรีก็เดินมาคุยกับตนก่อนจะเดินหายไปช่วงเวลาประมาณ 01.27 น.

สักพักก็มีคนเข้ามาที่คอนโด แจ้งว่าเป็นญาติกับลูกบ้าน ซึ่งลูกบ้านเพิ่งถูกข่มขืน โดยญาติของผู้เสียหายเป็นตำรวจด้วย  ตนจึง ว. ไปบอกกับ ‘หัวหน้ามนตรี’ ซึ่งเป็นไปตามระเบียบที่หากมีบุคคลภายนอกจะติดต่อเข้าภายในพื้นที่ รปภ. ที่ป้อมจะต้องแจ้งและได้รับการอนุมัติจากหัวหน้า รปภ. ก่อน

แต่วันนั้น ‘หัวหน้ามนตรี’ ไม่ได้ตอบรับกลับมา ตนจึงไม่สามารถอนุญาตให้ญาติของผู้เสียหายเข้ามาในพื้นที่ได้ และเพิ่งมารู้ภายหลังว่าเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น โดย ‘หัวหน้ามนตรี’ เป็นผู้ก่อเหตุเอง

นายเกียงคำ กล่าวว่า ตำรวจได้ตรวจสอบกระเป๋าของ ‘หัวหน้ามนตรี’ ก็พบกุญแจมือ เทปพันสายไฟ และมีด ซึ่งไม่ใช่อุปกรณ์ที่ต้องพกไว้สำหรับการทำงาน และตนก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่า ‘หัวหน้ามนตรี’ พกอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ในกระเป๋า

ทั้งนี้พอตนรู้ว่าหัวหน้ามนตรีเป็นคนก่อเหตุก็รู้สึกโกรธและเจ็บแค้นใจมาก เพราะลูกบ้านที่เป็นผู้เสียหายคนนี้เป็นคนใจดี จะคอยเอาอาหารเอาน้ำมาฝาก รปภ. อยู่เสมอ ซึ่งตนมองว่าผู้เสียหายเป็นผู้มีพระคุณ ‘หัวหน้ามนตรี’ ไม่น่าจะทำเช่นนี้ และหากในคืนนั้นตนรู้ว่าเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ตนจะขึ้นไปช่วยด้วยตนเอง แม้ตัวเล็กก็จะสู้ และจะไม่ห้ามไม่ให้ญาติขึ้นไปด้วย

โดยคืนนั้นตนเองก็ถูกญาติของผู้เสียหายตบเข้าที่ใบหน้า เนื่องจากไม่พอใจที่ตนกีดกันไม่ให้ขึ้นไป ซึ่งตนก็ไม่ถือโทษโกรธเพราะยอมรับผิดว่าตนเองบกพร่องจริง  แต่ในเช้าวันรุ่งขึ้น ‘หัวหน้ามนตรี’ ได้ส่งข้อความมาหาตน บอกว่าขอโทษที่ทำให้ต้องโดนตบหน้า และบอกว่าที่ทำไปเพราะรักผู้เสียหายแอบมองมานานแล้ว

สำหรับตัวหัวหน้ามนตรีนั้น ตนรู้จักตั้งแต่เข้ามาทำงานด้วยประมาณสองปีแล้ว โดยปกติเป็นคนที่ชอบทำงานเอาเปรียบลูกน้อง อีกทั้งยังเคยมาพูดกับตนว่า “เขาเล็งลูกบ้านผู้หญิงคนนั้นคนนี้ ซึ่งตนก็ได้เตือนไปว่าอย่าไปยุ่งกับลูกบ้าน”

ส่วนพฤติกรรมในการเสพยา ตนคาดว่า ‘หัวหน้ามนตรี’ น่าจะเสพยาจริง เพราะก่อนจะหยุดช่วงเทศกาลปีใหม่ ได้มายืมเงินหัวหน้าอีกคนไป 1,500 บาท และช่วงปีที่ผ่านมาก็เคยมีอาการคล้ายหลอนยา โวยวายบอกว่าจะลาออกด้วย

ต่อมาวานนี้ (5 ม.ค.) พลตำรวจตรีจิรสันต์ แก้วแสงเอก โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่าพนักงานสอบสวนได้ขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหา ในข้อหา ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น และข้อหาบุกรุกเคหะสถานในยามวิกาลพร้อมสืบสวนติดตามตัวผู้ก่อเหตุ

ส่วนการดำเนินคดีกับ ‘นิติบุคคล’ ของคอนโดมิเนียม ที่ไม่ให้ความร่วมมือกับตำรวจในการเข้าไปจับกุมคนร้าย โดยอ้างว่าไม่มีหมายค้น และอยู่ในยามวิกาลนั้น กรณีนึ้แม้ว่าจะไม่ได้มีหมายค้นก็ตาม แต่ตำรวจสามารถเจ้าไปตรวจสอบติดตามจับกุมคนร้ายได้ เนื่องจากเป็นเหตุเฉพาะหน้า ที่ตำรวจได้รับแจ้งจากผู้เสียหายโดยตรง

ฉะนั้นนิติบุคคลฯ จะต้องให้ความร่วมมืออำนวยความสะดวกแก่ตำรวจ เพื่อติดตามจับกุมคนร้าย ซึ่งกรณีนี้ถือว่าเข้าข่ายความผิด ข้อหาขัดขวางการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน และช่วยเหลือผู้กระทำความผิดเพื่อให้พ้นจากการจับกุมของเจ้าพนักงาน ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม

จากการตรวจสอบประวัติย้อนหลังยังพบว่า คนร้ายเคยต้องคดีข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ที่จังหวัดสระแก้ว เมื่อปี 2556 ด้วย เพิ่งพ้นโทษเมื่อปี 2560 แล้วมาก่อเหตุดังกล่าว

ทีมข่าวได้ตรวจสอบใบอนุญาต รปภ. พบว่านายมนตรี  ได้รับใบอนุญาตตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. 2562  ซึ่งได้รับตั้งแต่ยังไม่ครบ 3 ปี ตั้งแต่พ้นโทษ ทำให้เกิดคำถามว่าใบอนุญาตนั้นออกมาได้อย่างไร และได้ตรวจสอบผู้ที่จะมาทำงานนี้อย่างถี่ถ้วนหรือไม่

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของนายมนตรี ที่ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว พบกับนางสุวรรณ (สงวนนามสกุล) อายุ 65 ปี แม่ของผู้ก่อเหตุ เผยว่า หลังปีใหม่ที่ผ่านมา ลูกชายโทรมาหาบอกจะกลับบ้าน ขอเงิน 1,500 บาท ตนก็โอนไปให้ จึงถามไปว่าจะกลับมาทำไม ทำไมดูลุกลี้ลุกลน

หลังเกิดเหตุเวลาประมาณ 9 โมง ของวันที่ 4 ม.ค. ลูกชายโทรมาหาบอกว่า “ไปข่มขืนเขามา” ตนจึงถามไปว่าข่มขืนเขาทำไม นายนุ่ม ลูกชายอ้างว่าลูกบ้านให้ไปส่งที่ห้อง เขานุ่งน้อยห่มน้อยและยอมรับว่าได้มีอะไรกันกับลูกบ้านหญิงสาวผู้เสียหาย จากนั้นเวลาเกือบ 5 โมงเย็น ของวันที่ 4 ม.ค. ลูกชายนั่งรถโดยสารประจำทางมาจอดหน้าบ้านที่ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว

ตนเห็นลูกชายเดินเข้ามาในบ้านก็ร้องไห้พูดว่า “กูรักมึงมึงไม่น่าทำเลย” แต่นายนุ่ม (ลูกชาย) ไม่พูดอะไรเดินเข้าไปดื่มน้ำในบ้าน นั่งกินข้าวด้วยกัน ตนก็ถามว่า “ทำทำไมลูก เดี๋ยวตำรวจก็มาจับ มึงทำเกินไป กูบอกมึงแล้วก่อนจะทำอะไรให้หน้ากูลอยอยู่กับหน้ามึง” ลูกชายยอมรับว่า “ตัวเองผิดยังไงก็ติดคุก” จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรได้แต่นั่งกินข้าวเสียใจที่ลูกชายไปก่อเหตุ

หลังจากกินข้าวเสร็จลูกชายบอกจะออกไปหาเพื่อน จากนั้นก็ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไป ไม่กลับมาที่บ้านอีก ตนเองปรึกษากับญาติ หากลูกชายติดต่อมาจะเกลี่ยกล่อมให้มอบตัว

ช่วงเที่ยงวานนี้ (5 ม.ค.) ตนโทรศัพท์หานายนุ่ม ลูกชาย ยังสามารถติดต่อกันได้ จึงบอก “ไปมอบตัวซะยังไงมึงก็ไปไม่รอด หนักจะได้เป็นเบา” ลูดชายบอก “ ขอทำใจสักคืนก่อน ยังไงก็ไปมอบตัว” พูดไม่ทันจบตำรวจก็เข้ามาที่บ้าน ตนบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าหากลูกชายติดต่อมา ตนจะขับรถพาไปมอบตัวเอง ลูกชายตั้งใจจะมอบตัว ตอนนี้ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว เพราะตำรวจลงพื้นที่ระดมกำลังไล่ล่า

นางสุวรรณ แม่ของผู้ก่อเหตุกล่าวว่าใจแทบสลาย ที่ลูกชายไปก่อเหตุไม่ดี เคยก่อเหตุข่มขืนอายุเด็กต่ำกว่า 15 ปี ติดคุกออกมาแล้วยังกลับมาก่อเหตุอีก ซึ่งก่อเหตุครั้งนั้นเมื่อปี 2556 กระทำชำเรากับหลานสาวตัวเอง ขณะนั้นลูกชายไม่ได้หนีไปไหน ก่อนตำรวจจะมาควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ถ้าลูกชายไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเขาก็เป็นคนดีถ้าเสพยามาก ๆ ก็หลอน


“อยากให้ลูกกลับบ้านมามอบตัว ถ้าตายจะได้นอนตายตาหลับ ตนเองก็รักลูกเหมือนกัน ติดคุกมันไม่ตาย อยากขอโทษผู้เสียหาย เสียใจด้วย จะให้ไปขอโทษแทนลูกชายก็ไปไม่ไหว มันทำของมันเองถ้าเขาจะตัดสินยังไงก็ปล่อยเค้าตัดสินไป มีเงินมีทองตนก็จะไปเยี่ยม เราคนจนไม่ใช่คนรวยคงไม่ไปประกันตัว ปล่อยให้ติดคุก”


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/NCBShl9Se60

คุณอาจสนใจ

Related News