ผู้เชี่ยวชาญสหรัฐฯ เตือนการสวมหน้ากากผ้า รับมือโอมิครอนไม่ได้ แนะให้ใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ แบบ 3 ชั้น - ฝรั่งเศสพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทำสถิติสูงสุด ทะลุ 1 แสนคน เป็นครั้งแรก - ชาวอเมริกันยังแห่เดินทาง  


ผู้เชี่ยชาญทางการแพทย์ ดร.ลีอาน่า เหวิน ซึ่งเป็นแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉินและศาสตราจาร์ยรับเชิญประจำวิทยาลัยสาธารณสุขของสถานบันมิลเคล แห่งมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโทรทัศน์ของซีเอ็นเอ็น เมื่อวานนี้ว่า ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดกลายพันธุ์ โอมิครอน การสวมหน้ากากผ้าไม่ต่างจากเครื่องประดับบนใบหน้า เนื่องจากหน้ากากอนามัยที่ทำจากผ้า ไม่สามารถที่จะรับมือกับโควิดโอมิครอนได้


พร้อมกันแนะนำให้ประชาชน ควรสวมหน้าการอนามัยที่มีคุณภาพ อย่างน้อยก็ให้เป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ แบบ 3 ชั้น สวมใส่ปิดปากและปิดจมูกอย่างมิดชิดแทน หรือจะสวมหน้ากากทางการแพทย์แล้วสวมหน้ากากผ้าทับก็ได้ แต่ไม่ควรสวมหน้ากากแบบผ้าเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังแนะนำให้ เวลาอยู่ในพื้นที่ที่มีผู้คนจำนวนมากภายในอาคาร เช่น สนามบิน หรือศูนย์กลางการเดินทาง เป็นต้น ควรที่จะสวมหน้ากาก KN95 หรือ N95 เนื่องจากหน้ากากอนามัยเหล่านี้ มีความพอดีและวัสดุบางอย่าง เช่น เส้นไยโพลิโพรพิลีน ที่จะช่วยป้องกันอนุภาคเล็ก ๆ ไม่ให้เข้าไปในจมูกหรือปากผู้ใช้ได้ดีกว่า และจะต้องสวมปิดคลุมทั้งปากและจมูกอย่างถูกต้องและมิดชิดด้วย


ทั้งนี้ในประเทศอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงเยอรมนี และออสเตรีย ได้ปรับมาตรฐานการสวมหน้ากากในที่สถานที่สาธารณะ อย่างน้อยจะเป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ก่อนหน้านี้ หน้ากากอนามัยแบบผ้า ซึ่งเคยถูกส่งเสริมให้ใช้ช่วงแรก ๆ ของการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งสามารถกรองแต่ละอองขนาดใหญ่ ไม่สามารถกรองเชื้อที่มีอนุภาคเล็ก ๆ อย่างโอมิครอนได้


ขณะที่หลายประเทศในยุโรป พบตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะฝรั่งเศส และอิตาลี


สาธารณสุขของฝรั่งเศส รายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เมื่อวานนี้ ทำสถิติสูงสุด 104,611 คน นับเป็นตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวัน ทะลุ 1 แสนคน เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เริ่มการแพร่ระบาด เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลฝรั่งเศส กำลังหารือเกี่ยวกับการใช้มาตรการใหม่ ที่จะนำมาใช้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน ที่น่าวิตกกังวลว่าจะทำให้การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว โดยยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วประเทศขณะนี้อยู่ที่ 9 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 1 แสน 2 หมื่นคน ขณะที่ตัวเลขประชากรที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว อยู่ที่ 73.5 จากจำนวนประชากรทั้งหมด


ขณะที่อิตาลี พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทำสถิติสูงสุดรายวัน ติดต่อกันเป็นวันที่ 3 โดยเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นวันคริสต์มาส พบผู้ติดเชื้อ 54,762 คน สูงกว่าเมื่อวันก่อนที่อยู่ที่ 50,599 คน จนถึงขณะนี้พบผู้ติดเชื้อสะสมในอิตาลีแล้ว 5.5 ล้านคน และเสียชีวิต 1 แสน 3 หมื่นคน


ส่วนที่สหรัฐอเมริกา ชาวอเมริกันจำนวนมาก ยังคงเดินทางในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว แม้ว่าเที่ยวบินนับพันเที่ยวจะถูกยกเลิก อันเนื่องมาจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19


จากรายงานของเว็บไซต์ ไฟล์อะแวร์ (FlightAware) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ติดตามสถานะเที่ยวบินทั่วโลก เผยในวันนี้ว่า มีสายการบินต่าง ๆ ทั่วโลก ได้ยกเลิกเที่ยวบินไปแล้ว ราว 5,700 เที่ยว ในช่วงสุดสัปดาห์ ช่วงเทศกาลคริสต์มาส โดยในจำนวนนี้ รวมถึงเที่ยวบินภายในประเทศ รวมทั้งเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออกจากสหรัฐฯ ราว 1,700 เที่ยวด้วย


การยกเลิกเที่ยวบินต่าง ๆ ในช่วงคริสต์มาส ซึ่งเป็นหนึ่งในช่วงที่มีผู้โดยสารใช้บริการพลุกพล่านของปี ได้รับผลพวงมาจากการขาดแคลนพนักงานและลูกเรือ ที่ขอลาป่วยจากการติดเชื้อโควิด บ้างก็กักตัว เพราะสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ทำให้มีพนักงานไม่เพียงพอในการให้บริการ โดยสายการบินที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ เดลต้า, อเมริกัน แอร์ไลนส์ และยูไนเต็ด แอร์ไลนส์


อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวอเมริกันเป็นจำนวนมาก ที่ยังคงตัดสินใจเดินทางต่อ โดยไม่ยอมให้โควิดโอมิครอน หรือการยกเลิกเที่ยวบิน เป็นอุปสรรคในการเดินทางได้ เพราะบางคนบอกว่า พวกเขาไม่ได้เดินทางมานานแล้ว อยากจะเดินทางไปหาครอบครัวแล้ว แม้ว่าสหรัฐฯกำลังเผชิญกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโอมิครอน ซึ่งขณะนี้ได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในประเทศไปแล้ว สหรัฐฯพบผู้ติดเชื้อโควิดโอมิครอน ร้อยละ 73.2 จากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งหมด ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา