นายแพทย์ ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยันว่าขณะนี้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ "โอไมครอน" คนแรกในไทยแล้ว เป็นชายชาวอเมริกัน เดินทางมาจากสเปน ตรวจพบจากระบบ Test and Go โดยผลตรวจ พบว่า มีโอกาสเป็นสายพันธุ์โอไมครอนสูงถึง 99.92% สังเกตจากตำแหน่งกลายพันธุ์เฉพาะจุดที่บ่งบอกชัดเจน และจะตรวจซ้ำให้ได้ 100% อีกครั้ง โดยขณะนี้ได้ประสานกับห้องปฏิบัติของเครือข่ายแล้ว เบื้องต้นสรุปได้ว่า น่าจะเป็นผู้ติดเชื้อโอไมครอนคนแรกที่ตรวจพบในประเทศไทย

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุว่า ประเทศไทยมีการเฝ้าระวังตรวจสอบการกลายพันธุ์ของโควิด-19 ทุกสัปดาห์ โดยจากการตรวจสอบผู้ป่วยจำนวน 800 คน พบว่าการระบาดส่วนใหญ่ในไทยขณะนี้ เกือบ 100% ยังเป็นสายพันธุ์เดลตา ที่ 99.87% มีเพียง 1 คนเท่านั้น ที่พบติดเชื้อสายพันธุ์แอลฟา ทั้งหมดนี้เป็นการตรวจด้วยวิธีเฉพาะทางห้องปฏิบัติการ หลังเก็บตัวอย่างเชื้อด้วยวิธี rt pcr แล้ว

นพ.โอภาส การ์ยกวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า สำหรับเคสนี้เป็นผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการ และ ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน เบื้องต้นมีผลเลือดและผลเอกซเรย์ปกติ แต่พบผลเป็นบวก

แม้ผู้ป่วยคนนี้จะเป็นการติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนเป็นรายแรกในประเทศไทย แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนแม้แต่รายเดียวที่เสียชีวิตจากโอไมครอน จึงสันนิษฐานว่าโอมไมครอนอาจรุนแรงน้อยกว่าเดลตา โดยขณะนี้มีการพบสายพันธุ์ดังกล่าวใน 47 ประเทศทั่วโลกแล้ว รวมทั้งประเทศไทย

ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ โอไมครอน คนแรกของไทย เข้ารับการตรวจหาเชื้อครั้งแรกก่อนเดินทางเมื่อ 28 พฤศจิกายน และรับประทานอาหารกับกลุ่มเพื่อนต่อ

จากนั้นเดินทางจากสเปนมายังดูไบ ด้วยสายการบินอิมิเรต เที่ยวบิน ek142 และ EK372 มายังประเทศไทย ระหว่างทางไม่ได้สนทนากับใครและสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา

เมื่อถึงไทยเข้ากักตัวในโรงแรมแบบ test to go 1 คืน พร้อมตรวจหาเชื้อ ก่อนที่วันต่อมาคือ 1 ธันวาคมจะได้รับแจ้งว่าติดเชื้อโควิด 19 และ ส่งตัวอย่างของเชื้อเพื่อตรวจยืนยันที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เมื่อ 3 ธันวาคม จนมีการยืนยันผลในวันนี้ว่าเป็นโอไมครอน

เบื้องต้นไม่มีผู้โดยสารอื่นนั่งใกล้ชายคนนี้บนเครื่องบิน จึงมีผู้สัมผัสเสี่ยงรวมแค่ 19 คนเท่านั้น เป็นพนักงานโรงแรม 17 คน และ พนักงานของสนามบิน 2 คน ทั้งหมดถือเป็นผู้มีความเสี่ยงต่ำที่ขณะนี้อยู่ระหว่างกักตัวเพื่อสังเกตอาการแล้ว ส่วนกลุ่มเพื่อนที่รับประทานอาหารด้วยกัน ก่อนเดินทางยังไม่มีการยืนยันการติดเชื้อจนถึงขณะนี้