สั่งสอบ ตร.ใส่กุญแจมือหนุ่มรถชน คุมตัวส่งโรงพัก สุดท้ายเสียชีวิต ซ้ำเอาศพไปชันสูตรไม่แจ้งญาติ

อาชญากรรม

สั่งสอบ ตร.ใส่กุญแจมือหนุ่มรถชน คุมตัวส่งโรงพัก สุดท้ายเสียชีวิต ซ้ำเอาศพไปชันสูตรไม่แจ้งญาติ

โดย thichaphat_d

3 ธ.ค. 2564

427 views

เมื่อวานนี้ (วันที่ 2 ธ.ค.2564) นางสาวสุธินี กลัดเสนาะ อายุ 45 ปี นำหลักฐานเป็นภาพจากล้องวงจรปิด ร้องขอความเป็นธรรม หลังนายธนวัชร์ กลัดเสนาะ อายุ 41 ปี น้องชาย ขี่รถจักรยานยนต์มาตามถนนสุขุมวิท ฝั่งมุ่งหน้าเข้าเมืองชลบุรี เมื่อมาถึงบริเวณหน้าศูนย์มิซูบิชิ ตรงจุดรอยูเทิร์น ได้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์อีกคันหนึ่ง ซึ่งขับขี่ตัดหน้ารถจักรยานยนต์ของน้องชายที่ขี่มาทางตรงจนล้มลง คู่กรณีเป็นผู้หญิงอายุ 18 ปี เหตุขึ้นเมื่อวันที่ 22 พ.ย.2564 เวลาประมาณ 19.00 น.


ในวงจรปิดจะเห็นว่าหลังเกิดเหตุนายธนวัชร์ ใส่หมวกกันน็อคนอนนิ่งอยู่กลางถนน ส่วนคู่กรณี (ผู้หญิงใส่เสื้อสีดำ) เดินกะเผลก ๆ เข้ามาดู ยืนคุยโทรศัพท์ ขณะคนที่อยู่ละแวกนั้นรวมถึงคนที่ขับขี่รถสัญจรไปมา ต่างพากันจอดรถลงมาดูให้การช่วยเหลือนายธนวัชร์ และโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ


หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี 3-4 นาย ขับรถกระบะมาถึงจุดเกิดเหตุ และได้ใส่กุญแจมือนายธนวัชร์ ไพล่หลัง ลากและยกตัวขึ้นท้ายรถกระบะทั้งที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุ ขับออกจากจุดเกิดเหตุไปส่วนรถจักรยานยนต์ของนายธนวัชร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจยกขึ้นท้ายรถกระบะอีกคันขับตามกันไป


พี่สาวของนายธนวัชร์ เผยว่า น้องชายสวมหมวกกันน็อค ลักษณะการชนทำให้หัวกระแทกพื้นอย่างรุนแรง คงมีอาการมึน คาดว่าเลือดออกในสมองแล้ว แต่ในเหตุการณ์ไม่ได้มีการรีบนำตัวส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเพื่อดูอาการตรวจเช็กใด ๆ ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ จับใส่กุญแจมือและนำขึ้นท้ายรถกระบะ เพื่อนำไปตรวจหาสารเสพติด เบื้องต้นทางตำรวจกล่าวอ้างว่าน้องชายปฏิเสธการไปโรงพยาบาล แต่ไม่ว่าใด ๆ หากมีผู้ได้รับบาดเจ็บควรนำส่งโรงพยาบาลก่อน


ส่วนคู่กรณีทราบภายหลังว่าอายุเพียง 18 ปี หลังจากที่เกิดเหตุมีรถโรงพยาบาลมารับตัวไปเพื่อรักษาทันที ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีอาการบาดเจ็บรุนแรง พี่สาวของนายธนวัชร์ ระบุว่า หลังจากน้องชายถูกนำตัวขึ้นท้ายรถกระบะขับออกจากจุดเกิดเหตุ ตำรวจพาไปที่โรงพักจับตรวจแอลกอฮอล์ในร่างกายเพราะคิดว่าเมาขณะขับขี่


ซึ่งจริง ๆ แล้วคนกำลังเลือดคั่งในสมองเกิดจากการกระแทกขั้นรุนแรง การตอบ การเดิน การพูดคุย เริ่มผิดปกติ รอคอยผลตรวจ 5 ชั่วโมง ทั้งที่น้องชายอยู่ในการบาดเจ็บและถูกใส่กุญแจมือ อาการแย่มีเลือดทะลักออกจากปากและจมูก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำส่งตัวส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายสายเกินไป น้องชายได้เสียชีวิตจากไปอย่างทุกข์ทรมาน โดยที่ไม่ได้รับการรักษา


“ต้องการความเป็นธรรม อยากให้ตำรวจที่ทำทั้งคดี ทั้งคนไปจับน้องชายมา ถ้าผิดจริงก็อยากให้รับผิดชอบด้วยการออกจากราชการไป แล้วอยากให้กรมตำรวจชดใช้ในส่วนค่าเยียวยาน้อง และอยากให้ดำเนินคดีกับตำรวจทุกคน ณ วันนั้น และอยากให้คู่กรณีที่ชนน้องออกมารับผิดชอบด้วย เขาบอกให้ไปเคลียร์กันที่ศาล เขาพูดแค่นี้ ณ วันนี้ ก็ไม่ได้รับการติดต่อใด ๆ มา”


พี่สาวของนายธนวัชร์ กล่าวว่า ตอนแรกศพอยู่ รพ.ชลบุรี เมื่อวานนี้ (2 ธ.ค.) เราจำเป็นต้องไปทำเรื่องจะเอาศพไปตรวจที่นิติเวชกระทรวงยุติธรรม ปรากฏว่าศพไม่อยู่แล้ว ตำรวจบอกว่าเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคดีนี้ได้นำศพไปชันสูตรที่สถานนิติเวช รพ.ตำรวจ แล้ว โดยไม่แจ้งให้ญาติทราบ เจ้าหน้าที่อ้างว่าขออนุญาตพ่อแล้ว แต่พ่อไม่รู้เรื่อง


ทั้งนี้ญาติการเรียกร้องให้ตำรวจออกมาชี้แจง ทำอะไรกับคนเจ็บจนตาย ทั้ง ๆ ที่เป็นคนที่ขี่รถมาทางตรงไม่ได้ผิดอะไร โจรปล้นทำผิดบาดเจ็บยังต้องรีบส่งตัวไปรักษา แต่นี่คืออุบัติเหตุที่ยังไม่ทราบสาเหตุ กลับนำตัวส่งไปตรวจหาสารเสพติดและทิ้งระยะเวลารอคอย 5 ชั่วโมง สรุปไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด และไม่พบสารเสพติดในร่างกาย แบบนี้มันยุติธรรมเหรอ ส่วนคนที่เป็นคู่กรณีแผลถลอกยังมีโอกาสได้ไปรักษา


หลังจากนายธนวัชร์ ผู้เสียชีวิตไปแล้ว ญาติสืบค้นหากล้องวงจรปิดด้วยตนเอง จนทราบว่า เหตุการณ์เกิดอะไรขึ้น เพราะกล้องวงจรปิดที่ตำรวจนำมาให้ญาติดู เห็นเฉพาะตอนประสบอุบัติเหตุเท่านั้น ไม่เห็นตอนที่น้องชาย ถูกตำรวจใส่กุญแจมือไพล่หลังลากขึ้นรถ ญาติสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าหลังเกิดเหตุทำไมไม่ติดต่อญาติ และทำไมไม่พาคนเจ็บส่งโรงพยาบาล


เจ้าหน้าที่บ่ายเบี่ยงอ้างว่านายธนวัชร์ ไม่มีเอกสารอะไรติดตัว ทั้ง ๆ ที่ข้อเท็จจริงพกกระเป๋าตังค์และบัตรประชาชน สิ่งที่เสียใจและคาใจที่สุดสำหรับเหตุการณ์นี้มันคือการสูญเสีย โดยที่ไร้ซึ่งความเป็นธรรม


ด้านนายณัฏฐพงศ์ กลัดเสนาะ อายุ 75 ปี พ่อของนายธนวัชร์ กล่าวว่า หลังเกิดอุบัติเหตุคู่กรณีร้องไห้ยอมรับในความผิดทั้งหมด แต่พอกลับไปบ้าน อีกวันกลับมาพร้อมทนายความ และให้การปฏิเสธทุกคำพูด คู่กรณีอายุเพียง 18 ปี ไม่มีกระทั่งใบขับขี่ กลับมาพร้อมกับคำพูดสวยหรูว่าตนไม่ผิด พร้อมยื่นข้อเสนอให้ทางญาติผู้ตายเพื่อจบเรื่องนี้


ล่าสุด พ.ต.อ.เอกภพ อินทวิวัฒน์ โฆษกตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ออกเอกสารชี้แจงว่า หลังเกิดเหตุมูลนิธิฯ นำคู่กรณีส่งโรงพยาบาลบางละมุง ส่วนนายธนวัชร์ ซึ่งไม่มีบาดแผลภายนอก จึงไม่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาล แต่พลเมืองดีช่วยกันนำตัวไปนั่งพักบริเวณข้างถนน


ต่อมาพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบางละมุง มาถึงที่เกิดเหตุ แต่ไม่สามารถทำการสอบสวนนายธนวัชร์ ได้ จึงได้นำตัวไปยังสถานีตำรวจภูธรบางละมุง ระหว่างนำตัวไปได้มีการใส่เครื่องพันธนาการในลักษณะมือไพล่หลัง และให้นั่งที่กระบะรถยนต์ เพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์และสารเสพติดในร่างกาย ผลการตรวจไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์และสารเสพติดในร่างกายแต่อย่างใด


หลังจากนั้นได้ปล่อยให้นายธนวัชร์ นอนอยู่บริเวณกระบะรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยยังมีเครื่องพันธนาการไพล่หลังอยู่ จนกระทั่งเวลา 23.50 น. นายธนวัชร์ มีอาการบาดเจ็บเลือดออกทางจมูกและหมดสติไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รีบนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลบางละมุง และเวลา 04.00 น. ได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลชลบุรี แต่พนักงานสอบสวนไม่มีข้อมูลของนายธนาวัชร์ ทำให้ไม่สามารถติดต่อญาติเพื่อตัดสินใจรักษาด้วยการผ่าตัดเร่งด่วนได้ เป็นเหตุให้นายธนวัชร์ เสียชีวิตในเวลาต่อมา


และในวันที่ 30 พ.ย.2564 มารดาผู้เสียชีวิต พบผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ร้องขอความเป็นธรรมจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากกรณีที่เกิดขึ้น พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กิจจาหาญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ได้แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อทำการสอบสวนในคดีจราจรที่เกิดขึ้น และออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว โดยกำชับให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 7 วัน



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/lYGxsIHTzlk

คุณอาจสนใจ

Related News