'บิ๊กตู่' เชื่ออีก 3 ปี เศรษฐกิจจะเริ่มดีขึ้น ถ้าโรคไม่กลับมา อัดโดนบิดเบือนปมปลูกผักชี-ใช้รถทหารขนของ

เลือกตั้งและการเมือง

'บิ๊กตู่' เชื่ออีก 3 ปี เศรษฐกิจจะเริ่มดีขึ้น ถ้าโรคไม่กลับมา อัดโดนบิดเบือนปมปลูกผักชี-ใช้รถทหารขนของ

โดย thichaphat_d

22 พ.ย. 2564

4 views

นายกรัฐมนตรี ยืนยันไม่เคยคิดปลูกผักชีหรือทำขนส่งแข่งกับใคร ชี้เป็นการเตรียมความพร้อมช่วยประชาชน ลั่น หากไม่มีรถขนส่งต้องแบกกระสอบเดินเอง


พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “จับมือ ร่วมใจ พาไทยรอด” ในงาน สัมมนาหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ 39 ระบุ ช่วงสองปีที่ผ่านมาไทยได้ประเชิญกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 กระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และยังไม่ทราบว่าจะต้องอยู่ไปอีกเมื่อไหร่


นอกจากเรื่องสุขภาพแล้วยังต้องแก้ปัญหาเกี่ยวกับชีวิตและเศรษฐกิจ ตนทราบถึงปัญหาความเดือดร้อนในทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจปากท้องและผู้ประกอบการธุรกิจ ซึ่งพยายามอย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหาให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ปกติ


ที่ผ่านมาได้เตรียมรับมืออย่างเป็นขั้นเป็นตอน โดยเฉพาะเรื่องของการจัดหาวัคซีน ให้ครอบคลุม เพื่อลดผลกระทบให้เร็วที่สุด และอยากรณรงค์ให้ประชาชนไปรับการฉีดวัคซีนให้ครบโดส เพื่อลดอัตราการป่วยและการเสียชีวิต รวมถึงการแพร่กระจายไปสู่บุคคลอื่น ซึ่งรัฐบาลเร่งฉีดวัคซีน และมั่นใจว่า จะครบ 120 ล้านโดส ตามเป้าหมายในเดือนธันวาคม


แม้หลายภาคส่วนอาจจะมองว่ายังไม่เป็นที่พอใจสำหรับเรื่องของการจัดการวัคซีน แต่หลายประเทศก็นำตัวอย่างจากไทยไปเป็นต้นแบบ และสถานการณ์วันนี้ดีขึ้นตามลำดับ รัฐบาลก็จะเริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ จึงขอประชาชนอย่าประมาท และขอทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือกับมาตรการต่างๆของรัฐเพื่อไม่ให้โควิดกลับมาระบาดรุนแรงอีก


ขณะที่การแก้ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจเช่นความเหลื่อมล้ำทางสังคม ปัญหาอุทกภัย หนี้ครัวเรือน ทุกเรื่องถูกบรรจุในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อจะจัดสรรงบประมาณแก้ปัญหาให้ตรงประเด็น แต่ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วน และอยากทุกกระทรวงทำงานด้วยบูรณาการกัน


แต่การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไม่ได้ต้องการที่จะยึดครองอำนาจ แต่เพื่อวางรากฐาน เป็นแผนพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ และได้เล่าถึงหลักการการบริหารประเทศในด้านต่างๆ ที่มีข้อจำกัดในหลายด้าน โดยระบุว่าขอเล่านานหน่อยเพราะสิ่งเหล่านี้อยู่ในศรีษะตนมาเป็นเวลา7 ปี แล้ว


ส่วนในด้านการค้า-การลงทุน เช่น ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก CPTPP นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ยังมีข้อดีและข้อเสียอีกมากที่ไทยต้องพิจารณารอบคอบและเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของไทย ดังนั้น ไทยจะต้องเข้าร่วมเจรจาข้อตกลงบางอย่างที่ยังไม่เป็นประโยชน์กับประเทศ เช่น เกษตร สาธารณสุข แต่ยืนยันว่าการเจรจาครั้งนี้ยังไม่ได้ตกลงเข้าร่วมในทันที


ส่วนเรื่อง 1 ข้าราชการ 1 ครัวเรือน ไม่ได้มุ่งหวังให้ข้าราชการคนใดไปแก้ปัญหาให้กับประชาชน เพียงแต่ต้องการให้ข้าราชการลงพื้นที่พูดคุยเยี่ยมเยียนประชาชน รับทราบถึงปัญหา เพื่อที่จะนำมาแก้ไขให้ตรงจุด เกิดการเรียนรู้และพัฒนาไปด้วยกัน


นายกรัฐมนตรี กล่าวช่วงหนึ่งอย่างมีอารมณ์ถึงการแก้ไขปัญหาราคาผักแพงและเรื่องราคาน้ำมันดีเซล โดยยืนยันว่าที่สั่งให้ทหารปลูกผักชีไม่ได้ การแข่งขันกับใคร แต่ทหารปลูกอยู่แล้วเพื่อไว้รับประทานเองเพราะมีที่ แต่หากประชาชนเดือดร้อนก็สามารถมาซื้อกับอาหารได้


เช่นเดียวกับการเตรียมรถทหารไว้สำหรับการขนส่ง ในกรณีที่รถบรรทุกหยุดวิ่ง ตนไม่ได้ต้องการที่จะทำขนส่งแข่งกับใคร เพราะถ้าไม่มีรถวิ่งแล้วจะทำอย่างไร ก็แบกกระสอบเดินเองแล้วกัน และขออย่าเชื่อข้อมูลบิดเบือนมีอะไรก็ขอให้ตรวจสอบให้รอบคอบก่อน ตนไม่ได้ดีไปกว่าใคร และก็ไม่ได้คิดว่าเก่งไปกว่าใคร แต่ตนจะทำให้ดีที่สุด


นายกรัฐมนตรีในช่วงท้าย กล่าวว่าตนยินดีที่จะรับฟังทุกเสียงสะท้อนและนำไปแก้ไขเพราะตนไม่ใช่คนดื้อ คนใจร้าย หรือคนเผด็จการ แต่ต้องอธิบายให้ได้ว่าจะต้องปรับปรุงแก้ไขในส่วนใด



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/sbfva8kXA5o

คุณอาจสนใจ

Related News