สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ชาวเนเธอร์แลนด์รวมตัวชุมนุมประท้วงเดือดต้านรัฐบาล ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์บางส่วน เพื่อสกัดการระบาดของโควิด-19 จนตำรวจปราบจลาจลต้องฉีดน้ำแรงดันสูง

การชุมนุมประท้วงเกิดขึ้นที่เมืองเฮก ผู้ประท้วงได้เริ่มขว้างปาก้อนหินและประทัดใส่ตำรวจ จนทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น เป็นเหตุให้ตำรวจปราบจลาจลต้องฉีดน้ำแรงดันสูง เพื่อพยายามสลายผู้ชุมนุมประท้วง

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมาร์ค รูทท์ แห่งเนเธอร์แลนด์ ได้ออกมาประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สั่งใช้มาตรการล็อกดาวน์บางส่วนเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 13 พ.ย. เพื่อพยายามควบคุมสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ที่หวนกลับมาแพร่ระบาดรุนแรง พบผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งทะยานต่อเนื่องขึ้นมาแตะระดับ 16,000 รายต่อวัน

เนเธอร์แลนด์ต้องเผชิญกับการหวนกลับมาระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ เช่นเดียวกับหลายประเทศในยุโรป ที่ถูกตำหนิว่ามีการฉีดวัคซีนในระดับต่ำ ในขณะที่ฤดูหนาวกำลังมาถึง สภาพอากาศหนาวเย็นจัด โดยขณะนี้เนเธอร์แลนด์มีประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว 73%

โดยมาตรการล็อกดาวน์บางส่วนนั้น กำหนดให้ร้านค้าต่างๆ ที่ไม่มีความจำเป็นจะต้องปิดตั้งแต่เวลา 18.00 น. ขณะที่ส่วนซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านกาแฟ ร้านอาหาร และโรงแรม ปิดตั้งแต่เวลา 20.00 น.

ขณะที่สถานบันเทิงต่างๆ เช่น คาสิโน ซาวน่า ร้านตัดผม และสถานบริการทางเพศ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. รวมไปถึง อนุญาตให้ประชาชนรวมกลุ่มได้ที่บ้านสูงสุด 4 คน และต้องมีอายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไป และประชาชนควรทำงานจากที่บ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ล่าสุด เนเธอร์แลนด์ มีผู้ติดเชื้อใหม่ 12,024 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 2,295,107 คน