เมื่อวานนี้ (11 พ.ย.64) พรรคคอมมิวนิสต์จีน ผ่านมติครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งช่วยยกสถานะของ สี จิ้นผิง ให้เทียบเท่าอดีตผู้นำคนสำคัญอย่าง เหมา เจ๋อตง และเติ้ง เสี่ยวผิง แล้ว 

ทื่ประชุมคณะกรรมการกลางครั้งที่ 6 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน 4 วัน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 พ.ย. ได้มีการผ่านมติครั้งประวัติศาสตร์ดังกล่ว ซึ่งจะช่วยส่งเสริมสถานะทางการของ ประธานาธิบดี สี จิ้งผิง ให้เข้มแข็งเทียบเท่าบุคคลสำคัญในอดีตของพรรคแล้ว

โดยมติดังกล่าวถือเป็นครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์จีนที่เคยมีมาตั้งแต่ก่อตั้งพรรค ซึ่งครั้งแรกผ่านโดย เหมา เจ๋อตง เมื่อปี 2488 และครั้งที่ 2 เกิดขึ้นในยุคของประธานาธิบดี เติ้ง เสี่ยวผิง

หลายฝ่ายมองว่า มตินี้เป็นความพยายามล่าสุดของ สี ที่จะย้อนคืนแนวทางการปกครองแบบกระจายอำนาจที่เริ่มตั้งแต่ยุคนายเติ้ง กลับสู่การปกครองแบบ เน้นที่ตัวบุคคล

ทั้งนี้ในปีหน้าจะมีการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคอมมิวนิสต์ในปีหน้า ซึ่งคาดว่านายสีจะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 3 คนแรกของจีน หลังจากเมื่อปี 2561 จีนได้ยกเลิกข้อห้าม ห้ามประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกิน 2 สมัย ปูทางให้สี จิ้นผิง ครองอำนาจไปตลอดชีวิต

ขณะเดียวกัน ทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างจีน และสหรัฐฯ ดูเหมือนว่าจะตึงเครียดต่อเนื่อง กับกรณีพิพาทไต้หวัน

โดยนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกมากล่าวว่า สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรจะไม่อยู่เฉย และใช้มาตรการตอบโต้ อย่างแน่นอน หากจีนพยายามใช้กำลังเปลี่ยนแปลงสถานะปัจจุบันของไต้หวัน

ท่าทีดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่จีนมีความเคลื่อนไหวทางทหารต่อไต้หวันมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ