ลพบุรียังอ่วม บ้านชั้นเดียวท่วมมิดหลังคา ขนสัตว์เลี้ยงหนีน้ำ ข้าวของเสียหาย พ้อไม่ตายก็หาใหม่ได้

สังคม

ลพบุรียังอ่วม บ้านชั้นเดียวท่วมมิดหลังคา ขนสัตว์เลี้ยงหนีน้ำ ข้าวของเสียหาย พ้อไม่ตายก็หาใหม่ได้

โดย thichaphat_d

29 ก.ย. 2564

29 views

สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดลพบุรี เมื่อวานนี้ (28 ก.ย.) ยังถือว่ายังอยู่ในช่วงวิกฤต โดยเฉพาะอำเภอชัยบาดาล หลายหมู่บ้านน้ำท่วมสูงจนชาวบ้านไม่สามารถพักอาศัยอยู่ได้ และรถไม่สามารถสัญจรไปมาได้ รวมถึงเขตเทศบาลลำนารายณ์ที่ถูกน้ำเข้าท่วมสูง ถนนหลายสายยังไม่สามารถใช้สัญจร ต้องปิดการจราจรชั่วคราว


ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง พื้นที่หมู่ 1 ต.ลำนารายณ์ ริมทางรถไฟ ใกล้ย่านการค้าตลาดลำนารายณ์ ที่มีบ้านพักอาศัยจำนวนมาก และปกติมีตลาดนัดอยู่บริเวณดังกล่าว ปริมาณน้ำยังคงท่วมสูงเท่ากับเมื่อคืนก่อน รถไม่สามารถสัญจรได้ ชาวบ้านต้องสัญจรโดยเรือ บ้านเรือนที่เป็นชั้นเดียวถูกท่วมจนเกือบมิดหลังคา


ส่วนบ้านเรือนที่ยกสูงหรือบ้านสองชั้นชาวบ้านยังพอพักอาศัยอยู่ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เข้าช่วยเหลือผู้ที่ต้องการอพยพจนหมดแล้ว เหลือเพียงบางส่วนที่ประสงค์จะอยู่ที่บ้าน เพราะยังสามารถหนีน้ำขึ้นไปที่สูงของบ้านได้ เจ้าหน้าที่จึงนำอาหารและน้ำดื่มลงเรือไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน ซึ่งก็มีชาวบ้านรอรับอาหารตลอดเส้นทาง


ถัดมาบริเวณริมฟุตปาธ ปากซอยวัดอุดมสรรณ ที่อยู่ใกล้เคียงตลาด มีชาวบ้านขนย้ายทรัพย์สิน และสัตว์เลี้ยง ทั้งแพะ สุนัข และแมว มารวมตัวกันอยู่ที่จุดดังกล่าวจำนวนมาก


นางแหวน หนึ่งในผู้อพยพ เผยว่า บ้านของตนถูกน้ำท่วมจนมิดหลังคา ทรัพย์สินพังเสียหายจำนวนมาก มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่สามารถขนออกมาได้ ที่สำคัญตนและสามีต้องการช่วยเหลือแพะจำนวนกว่า 20 ตัว ที่เลี้ยงไว้เป็นอันดับแรก แต่กว่าจะพาออกมาได้ใช้เวลาค่อนข้างนาน เพราะต้องขนขึ้นเรือทีละ 2-3 ตัว


การเคลื่อนย้ายค่อนข้างทุลักทุเล เพราะแพะเกิดอาการหวาดกลัว เมื่อขนย้ายออกมาแล้วต้องนำมาผูกเชือกไว้กับเสาไฟฟ้า รู้สึกสงสารมาก ตนเลี้ยงพวกมันด้วยความรัก จากที่พวกมันเคยอยู่สุขสบาย กินดีอยู่ดี ตอนนี้ต้องอด เพราะอาหารของพวกมันถูกน้ำท่วมหมดแล้ว


ด้าน นางจำปา อายุ 77 ปี อดีตข้าราชการบำนาญ เผยว่า บ้านของตนก็ถูกน้ำท่วมมิดหลังคา ข้าวของในบ้าน รวมถึงไร่นาของตนพังเสียหายทั้งหมด ต้องหอบหลานชายและสุนัขหนีเอาตัวรอดออกมาก่อน เพราะน้ำไหลแรงมาก ตอนนี้ก็กังวลทั้งโควิด ทั้งน้ำท่วม รู้สึกเสียใจ และเสียดายทรัพย์สิน แต่ก็คิดว่าไม่ตายก็หาใหม่ได้ ครั้งก่อนๆหลังจากน้ำท่วม ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจะได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท แต่ตนมองว่าน้อยเกินไป ซึ้อเสาบ้านยังไม่พอเลย ตอนนี้กังวลมากว่าบ้านจะพังลงมาทั้งหลัง แล้วจะอยู่อย่างไร


ส่วนบนถนนเส้นทางหลัก ปริมาณน้ำยังคงท่วมสูงเป็นแนวยาวเท่ากับเมื่อคืนวันก่อน โดยเฉพาะเทศบาลตำบลลำนารายณ์ และบริเวณตลาดลำนารายณ์ซึ่งเป็นย่านการค้า ร้านค้าต่างๆต้องปิดการค้าขายไว้ พร้อมนำกระสอบทรายมาวางกั้นไม่ให้น้ำทะลักเข้าบ้านเรือนและอาคารพาณิชย์ของตัวเอง


นางลั่นทม แม่ค้าขายลูกชิ้น เผย บ้านของตนเป็นบ้านชั้นเดียว มีปริมาณน้ำท่วมสูงจนแทบมิดหลังคา ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ ทรัพย์สินในบ้านพังเสียหายทั้งหมด ทั้งรถจักรยานยนต์ 3 คันที่จมอยู่ในน้ำ รวมถึงรถเข็นที่ใช้ทำมาหากินในการขายลูกชิ้นก็จมน้ำพังเสียหายไปด้วย จึงต้องรีบเก็บเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นบางส่วนอพยพหนีน้ำออกมา ตอนนี้อยากให้น้ำลดเร็วๆ ไม่มีอะไรจะเหลือแล้ว โควิดก็ยังอยู่ แล้วต้องมาเจอวิกฤตน้ำท่วมอีก จะเรียกว่าโคตรซวยก็ว่าได้ สามีถึงกับร้องไห้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


ด้านนางสมจิต ผู้ประกอบการรายหนึ่งในตลาดลำนารายณ์ เผยว่า ร้านของตนอยู่หน้าตลาด ติดถนนใหญ่ ยอมรับว่าตั้งแต่เกิดมา 40 กว่าปี ตรงจุดนี้ไม่เคยน้ำท่วมสูงขนาดนี้มาก่อน รู้สึกตกใจมาก จึงได้รีบนำกระสอบทรายมาวางกั้นน้ำไม่ให้ไหลเข้าร้าน ยกของขึ้นที่สูงหนีน้ำ และพาคนในครอบครัวอพยพออกไปอยู่ที่อื่นเป็นการชั่วคราว


ขณะที่ นายวิชัย ฉัตรยิ่งมงคล นายกเทศมนตรีตำบลลำนารายณ์ เผยว่า สำหรับเทศบาลลำนารายณ์ มวลน้ำมาจากอ่างเก็บน้ำกุดตาเพชร หลังรับน้ำเต็มอัตราก็ปล่อยน้ำไหลลงมาที่ ต.บัวชุม ต.หนองยายโต๊ะ และเข้ามาสู่ ต.ลำนารายณ์ในปริมาณมวลน้ำจำนวนมาก และการระบายน้ำลงล่างเพื่อเข้าเขื่อนถูกสกัดขึ้นมา


ทำให้มวลน้ำไหลเข้าเขตพื้นที่ของลำนารายณ์ เป็นสาเหตุของการท่วมใหญ่คืนวันที่ 27 ก.ย. หลังจากนี้ หากฝนไม่ตก มวลน้ำจากทางภาคเหนือก็จะไม่ลงมา มวลน้ำต่างๆในพื้นที่จะไหลไปสู่ ต.ท่าหลวง และ ต.พัฒนานิคม เข้าสู่เขื่อนป่าสักต่อไป ซึ่งเขื่อนป่าสักก็ต้องระบายมวลน้ำลงสู่ภาคกลางตอนล่าง หากปริมาณน้ำเกินความสามารถที่เขื่อนจะรับได้


ในภาพรวมของจังหวัดลพบุรีปีนี้ หนักกว่าปี 54 เทียบจากจุดๆหนึ่งในปี 54 ถูกท่วมประมาณ 2 เมตร แต่ปีนี้ถูกท่วม 3-3.5 เมตร ซึ่งสาเหตุหลักก็มาจากพายุเตี้ยนหมู่ สำหรับมาตรการป้องกันในอนาคต ตนมองว่าควรจะต้องมีเขื่อนรับน้ำเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันได เพื่อรับมวลน้ำไม่ให้ทะลักเข้าชุมชน และเพื่อกักเก็บน้ำส่วนหนึ่งไว้ใช้ในหน้าแล้งด้วย ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนราคาแพง จึงฝากวอนให้รัฐบาลและกรมชลประธานวางแผนสร้างเขื่อนเพิ่มเติมเพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว และอยากให้ภาครัฐช่วยลงมาดูแลภาคเกษตรกรรม ที่ได้รับความเสียหายอย่างมาก


ส่วนการเยียวยาผู้ประสบภัย เรามีนโยบายเยียวยาอาคารบ้านเรือนที่พังเสียหาย โดยมีงบประมาณในการซ่อมแซมให้ รวมถึงมีการร่วมมือจากองค์กรต่างๆมาช่วยแจกจ่ายอาหารและน้ำดื่มให้กับชาวบ้าน



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/vOZXL3vgqZg

คุณอาจสนใจ

Related News