บรรยากาศวันแรกการฉีดวัคซีนกระตุ้นในเข็มที่ 3 ให้กับประชาชนทั่วไป โดยกระทรวงสาธารณสุขใช้โอกาสวันมหิดล ตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ได้วันละ 1 ล้านโดสนับจากนี้ และยืนยันว่าไทยจะมีวัคซีนเพียงพอไปจนถึงเดือนตุลาคมนี้อย่างแน่นอน ขณะที่วันนี้ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยได้ออกประกาศแนะนำการฉีดวัคซีนชนิด mRNA มากกว่าชนิดเชื้อตายให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีตามคำแนะนำของอย. เพื่อความปลอดภัย

บรรยากาศการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันป้องกันโควิด ในประชาชนทั่วไปวันแรก ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ มีประชาชนมาฉีดวัคซีนรวม 15,000 คน โดยฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนก้าเป็นเข็มกระตุ้น แก่ผู้ที่เคยได้รับวัคซีนเข็มแรกและเข็มที่ 2 ของซิโนแวคจากที่ศูนย์ฉีดแห่งนี้

ซึ่งจะทยอยฉีดให้ครบ 150,000 คน จากฐานข้อมูลเดิมด้วยการส่ง SMS เพื่อนัดหมายวันเวลาล่วงหน้า เช่นเดียวกันกับผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคไปแล้ว 2 เข็มจากสถานที่ฉีดอื่นๆ ก็จะได้รับการนัดหมายการฉีดวัคซีนแบบเดียวกันทุกคน

จากการสอบถามประชาชนที่มารับวัคซีนเข็มที่ 3 หลายคนพบปัญหาเพิ่งได้รับข้อความในช่วงเช้า แบบกระทันหัน ทำให้ต้องรีบวางแผน การเดินทาง และบางส่วนต้องแจ้งหยุดงาน จึงอยากขอให้ปรับระยะเวลาการแจ้งเตือน ให้มีเวลาล่วงหน้า 2-3 วัน เพื่อเตรียมตัว

ส่วนบรรยากาศที่ศูนย์ฉีดวัคซีนนนท์พร้อม ของจังหวัดนนทบุรี มีผู้ได้รับคิวฉีดเข็ม 3 จำนวน 500 คน ซึ่งจุดนี้มีทั้งผู้มาฉีดเข็ม 2 และ เข็ม 3 ด้วย รวม 12,454 คน

นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวขอบคุณบุคลากรการแพทย์ทั่วประเทศที่ร่วมกันฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 จนครบตามเป้าหมาย 1 ล้านโดส เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันมหิดล 24 กันยายน

โดยข้อมูลจาก 12 เขตสุขภาพ มีผู้ได้รับวัคซีนทั้งหมด 1,062,081 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 716,916 โดส เข็มที่สอง 228,994 โดส และเข็มที่สาม 116,171 โดส

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยัน จากนี้ไปจะฉีดวัคซีนให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยภายในเดือนกันยายนจะมีวัคซีนเข้ามา 15 ล้านโดส และในเดือนตุลาคมอีก 20 ล้านโดส ตั้งเป้าเพิ่มประสิทธิภาพการฉีดให้ได้ วันละ 1 ล้านโดสทั่วประเทศ

ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยข้อมูล อาการข้างเคียง หลังฉีดวัคซีนในสูตร Sinovac - Sinovac แล้วตามด้วย AstraZeneca หรือ SSA จากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 120 คน โดยวิธีฉีดเข้ากล้ามเนื้อ

พบว่า ร้อยละ 87 มีอาการไข้ต่ำ ปวดศีรษะมากที่สุด ตามมาด้วยอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ร้อยละ 28.6 และอาการปวดบวมแดง ร้อน บริเวณที่ฉีด ร้อยละ 16.9 ที่เหลือเป็นอาการอื่นๆ โดยผลวิจัยนี้พบว่า อาการโดยรวมไม่รุนแรง ทำให้กระทรวงสาธารณสุข เห็นชอบใช้วัคซีนสูตรนี้ฉีดให้กับประชาชน

ขณะที่ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ออกประกาศแนะนำการฉีดวัคซีนให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยระบุให้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ที่คณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. อนุญาตให้ใช้ได้ในเด็กอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป นั่นคือ ชนิด mRNA ซึ่งมีอยู่ 2 ยี่ห้อ คือ ไฟเซอร์กับโมเดอร์นา ส่วนวัคซีนชนิดเชื้อตาย ทั้งซิโนแวคและซิโนฟาร์ม อยู่ระหว่างการพิจารณา เรื่องการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ประสิทธิภาพและความปลอดภัยจากอย

อย่างไรก็ตาม สัปดาห์หน้ามีเรื่องที่หน้าจับตานั่นคือการเตรียมปลดล็อกชุดตรวจแอนติเจนหรือ ATK ให้สามารถขายในร้านขายยาหรือร้านค้าทั่วไปได้ ในราคาชุดละ 30-40 บาทเท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะเป็นกลไกทำให้ราคาชุดตรวจ ATK ถูกลง