วันที่ 23 ก.ย. 64 รายการโหนกระแสพูดคุยกับ ชลธิชา เนยคำ, สุทธา เนยคำ, ปัทมา ลาภะ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ และ วิษณุ ภู่อ่อน ผู้ที่ถูกทำร้ายร่างกาย พร้อมสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ พลตำรวจโทเชษฐา โกมลวรรธนะ หัวหน้าจเรตำรวจ ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขนุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ถึงกรณีตำรวจกร่างทำร้ายร่างกายชาวบ้าน ที่ จ.กำแพงเพชร พร้อมใช้ปืนขู่

ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ก่อนหน้านี้เห็นตำรวจที่ก่อเหตุ ขับรถมาจอดที่หน้าร้านส้มตำติดต่อกัน 2 วัน โดยจอดรถเสร็จ ก็จะข้ามไปอยู่ที่บ้านของนายโบว์ลิ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนกับตำรวจนายนี้ จนเย็นแต่ไม่รู้ไปทำอะไร วันเกิดเหตุตำรวจรายนี้ ได้ออกมาจากบ้านนายโบว์ลิ่ง แล้วก็ขี่รถจักรยานยนต์ของชาวบ้านออกไป จนต้องตะโกนร้องเรียกให้เอามาคืน ทำให้ตำรวจรายนี้ไม่พอใจเข้ามาหาเรื่อง พร้อมกล่าวหาว่าพวกตนค้ายาใช่ไหม

อีกทั้ง ตำรวจนายนี้ นอกจากจะมีอาการเมาอย่างหนักแล้วยังมีพฤติกรรมแปลกๆ อีกหลายอย่าง คือเก็บก้อนกรวดมาถ่ายรูป แล้วบอกว่าเป็นยาเสพติด บอกว่าจะแจ้งตำรวจชุด 05 มาจับกุม และเอาสเปรย์แอลกอฮอล์ฉีดใส่หน้า นายโบว์ลิ่ง ตอนที่เข้าไปห้าม และบอกว่าเป็นสเปรย์พริกไทย

ส่วนที่มีคลิปปรากฎว่าตำรวจนายนี้ หยิบปืนยาวมาขู่เพราะไม่พอใจที่ตนได้เข้าไปเจรจาหลังจากที่ทำร้ายร่างกาย นายวิษณุ ภู่อ่อน ซึ่งเป็นลูกค้ามาซื้อส้มตำ แต่กลับถูกทำร้ายด้วยการชกต่อย และเอามีดจี้คอ ยอมรับตอนนั้นตนไม่กลัวและคิดว่าต้องต่อสู้ เพราะหากวิ่งหนีมีโอกาสที่จะถูกยิงมากกว่า

ขณะที่ นายวิษณุ ภู่อ่อน ผู้ถูกทำร้ายร่างกาย ยอมรับว่าตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตนตั้งใจมาซื้อส้มตำ แต่กลับถูกตำรวจนายนี้ ถามว่าค้ายาเสพติดใช่ไหม จากนั้นก็ถูกต่อยถูกถีบและเอามีดจี้คอ ยืนยันไม่ได้กลิ่นเหล้าโชยออกมาจากตำรวจนายนี้ จึงทำให้ไม่รู้ว่าเมาอะไร

พลตำรวจโทเชษฐา โกมลวรรธนะ หัวหน้าจเรตำรวจ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ขณะนี้ตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลกได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว เพื่อเอาผิดทั้งทางอาญาและทางวินัย สวนตัวยอมรับว่าเมื่อเห็นคลิปแล้วไม่สบายใจและขอโทษประชาชนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนการตรวจสอบอาวุธปืน หรือ ตรวจปัสสาวะของตำรวจที่ก่อเหตุ อยู่ที่พนักงานสอบสวนจะดำเนินการ ซึ่งหากตรวจสอบแล้ว พบว่ามีความผิดจริงก็จะเข้าข่ายกระทำผิดวินัยร้ายแรง ยืนยันให้ความเป็นธรรมไม่เข้าข้างตำรวจด้วยกันเด็ดขาด

ขณะที่ ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขนุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แนะนำว่า หากพยานรายใด ที่หวาดกลัวให้ไปที่ยุติธรรมจังหวัด เพื่อให้ข้อมูลและขอให้มีการจัดกำลังเพื่อคุ้มครองพยานซึ่งตนจะกำชับไปอีกที