ครูดอยร้องขอความเป็นธรรม หลังป่วยเป็นเนื้องอก ผ่าตัดฉุกเฉินแต่ถูกผู้บริหาร รร. บีบให้ลาออก

สังคม

ครูดอยร้องขอความเป็นธรรม หลังป่วยเป็นเนื้องอก ผ่าตัดฉุกเฉินแต่ถูกผู้บริหาร รร. บีบให้ลาออก

22 ก.ย. 2564

3.4K views

จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์เฟซบุ๊ก ส่วนตัวระบายความในใจระบุว่า ชื่อบีม เป็นครูอัตราจ้างสอนที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง บนดอยสูงในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งการเดินทางเข้าพื้นที่ค่อนข้างยากลำบากมาก เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเช้าวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 เธอเล่าว่า ปวดท้องหนักมาก และที่บริเวณท้องน้อยบวมใหญ่มาก เลยแจ้งทางโรงเรียนให้ทราบเพื่อให้เพื่อนครูพาไปส่งโรงพยาบาล ในตัวอำเภอแม่สะเรียง เพื่อนครู ช่วยปฐมพยาบาลให้ และประสานไปกับรถชาวบ้านเช้าวันนั้น การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางที่ทรมานมาก ถนนลูกรัง และต้องขับรถฝ่าแม่น้ำลงมา 


พอไปถึงโรงพยาบาล หมอ ตรวจประเมินเรียบร้อย สรุปว่าเป็นเนื้องอกที่ปีกมดลูกทั้งสองข้าง ต้องผ่าตัดแต่ต้องรอผลเลือดว่ามีค่ามะเร็งหรือไม่ ซึ่งหมอระบุว่าห้ามยกของหนักและถูกกระทบกระเทือน ระหว่างรอผลเลือดพักรักษาตัวอยู่กับแม่ที่ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เนื่องจากกลับขึ้นดอยไปสอนหนังสือไม่ได้


ต่อมาผลปรากฏว่าเลือดมีค่ามะเร็งสูงถูกส่งตัวไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ซึ่งนัดผ่าตัดวันที่ 25 มิถุนายน 2562 หมอให้พักฟื้นจนถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2562 เธอพักฟื้นครบกำหนดแพทย์สั่ง แต่เธอยังปวดแผลและเดินยังไม่ค่อยถนัดจึงไม่สามารถขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่ได้ บวกกับถนนไปโรงเรียนมันลื่นเพราะเข้าสู่ฤดูฝนการเดินทางลำบาก ถ้าหากว่าต้องเดินเท้าเธอคงไม่ไหวเหมือนเมื่อก่อน หลังพักฟื้นเธอกลับไปทำงานวันที่ 29 เดือนสิงหาคม 2562


หลังจากเกิดเหตุการณ์วันที่ป่วยหนัก กลายเป็นว่าตอนนั้นเธอป่วยฉุกเฉินไม่ได้เขียนใบลางาน ผู้บริหารโรงเรียนแจ้งว่าเธอขาดงานราชการเกิน 15 วันและถูกตำหนิต่าง ๆ นานาและถูกบีบให้ลาออก เธอจึงไปขอใบลาออกจากต้นสังกัด ในตัวอำเภอแม่สะเรียง แต่ไม่สามารถระบุสาเหตุของการลาออกได้


เนื่องจากเจ้าหน้าที่ระบุว่าสาเหตุจากการป่วยเป็นเหตุผลที่ไม่เพียงพอ จึงเว้นช่องว่างไว้ เพื่อจะเขียนตามที่ผู้บริหารสถานศึกษาอยากให้เขียน แต่ผู้บริหารสถานศึกษาไม่กล้าเขียนลายมือชื่อ กลัวว่าตนจะโดนตั้งคณะกรรมการสอบ แต่ผู้บริหารสถานศึกษาลงลายมือชื่อที่ใบลาป่วยให้ คุณครูมีหลักฐานใบลาป่วย ใบรับรองแพทย์แนบให้กับผู้บริหารโรงเรียน และได้จ้างคนทำงานแทนตามที่ผู้บริหารสถานศึกษาสั่ง


ต่อมาเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน 2562 ทางโรงเรียน มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของลูกจ้างชั่วคราว ประจำปี มีผู้ประเมิน 3 คนประกอบด้วยประธานกรรมการสถานศึกษาคือผู้ใหญ่บ้าน ส่วนกรรมการฯ คนที่ 2 คือผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน กรรมการทั้งสองให้คะแนนผ่านคือ 90 คะแนน ซึ่งคะแนนเต็ม 100 รวมได้ 180 คะแนน แต่ผู้บริหารโรงเรียน ไม่ยอมให้คะแนน และไม่ยอมเซ็นเอกสารประเมิน ต่อมามีการประเมินรอบสอง


ปรากฏว่าผู้บริหารโรงเรียนให้คะแนนตน 57 คะแนน ส่วนคนอื่นให้คะแนน 60 และ 61 ตามลำดับ ทำให้คะแนนเธอตกเหลือ 59.33% เท่านั้นเมื่อเฉลี่ยแล้ว (ผู้ถูกประเมินจะต้องได้คะแนน 60%ถึงจะผ่านและจ้างต่อ) แต่จากการสังเกตพบว่ากรรมการทั้งสองคนให้ตนผ่านกลับระบุในความเห็นควรจ้างต่อไปแต่ควรปรับปรุงแก้ไข


ต่อมาเธอไปขอเข้าพบผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพื่อขอความเป็นธรรม แต่ฝ่ายบุคคลไม่ให้เข้าพบ ฝ่ายบุคคลบอกกับเธอว่า การประเมินครั้งที่สองไม่ถูกต้อง จึงให้เธอประเมินใหม่ เป็นรอบที่สาม โดยเปลี่ยนคณะกรรมการเป็นครูในโรงเรียน ป ผู้บริหารโรงเรียนได้เสนอ ครูในโรงเรียนเป็นคณะกรรมการแทนผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน


ซึ่งกรรมการจะประกอบด้วยครูใหญ่เป็นกรรมการคนที่ 1 ผู้ใหญ่บ้านเป็นกรรมการคนที่ 2 และครูในโรงเรียนเป็นกรรมการคนที่ 3 ผลการประเมินออกมา ผลคะแนนเหมือนกับการประเมินรอบ 2 ซึ่งคะแนนทุกรายการมีการลอกมาจากคะแนนการประเมินครั้งที่ 2 แต่มีการเปลี่ยนกรรมการประเมินเท่านั้นจึงทำให้ต้องพ้นสภาพจากความเป็นครูในทันที


หลังจากนั้นจึงได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมไปยังหน่วยงานต้นสังกัดของครูใหญ่ แต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อสำนักเขตพื้นที่การศึกษาฯ แล้ว ก็ถูกเขตปฏิเสธความรับผิดชอบ ที่ผ่านมาตนทำงานด้วยความทุ่มเทเต็มที่ เพื่อให้ความรู้กับเด็กที่นี่ บ่อยครั้งครูในโรงเรียน มีธุระต้องไปดูแลคนในครอบครัว ตนก็ปฏิบัติหน้าที่แทนตลอด


ตนเรียนจบครูมาต้องการมาให้ความรู้กับเด็ก ๆ ในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งการเดินทางเข้าพื้นที่ค่อนข้างยากลำบากระยะทางกว่า 90 กม.ใช้เวลาเดินทาง 5 - 6 ชั่วโมง บางครั้งฤดูฝนต้องเดินเท้าจูงรถข้ามลำห้วย ข้ามถนนที่เละเป็นโคลน นอกจากนี้ตนยังเป็นเสาหลักของครอบครัวต้องส่งเสียเลี้ยงดูคนในครอบครัวหลายชีวิต หลังจากออกงานมา 2 ปีกว่า ประกอบกับช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด เป็นระยะเวลานาน ทำให้คนในครอบครัวต้องอยู่ด้วยความยากลำบาก จึงอยากร้องขอความเป็นธรรมจากผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย

คุณอาจสนใจ

Related News