ครูบนดอยขอความเป็นธรรม ป่วยเนื้องอกต้องผ่าตัดฉุกเฉิน กลับถูก ผอ. บีบให้ลาออก

สังคม

ครูบนดอยขอความเป็นธรรม ป่วยเนื้องอกต้องผ่าตัดฉุกเฉิน กลับถูก ผอ. บีบให้ลาออก

โดย JitrarutP

22 ก.ย. 2564

2.7K views

“ครูบีม” สอนเด็กบนดอย ร้องขอความเป็นธรรม ป่วยเป้นเนื้องอกต้องรักษา กลับถูก ผอ.โรงเรียน บีบให้ลาออก


จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ระบายความในใจผ่านโลกออนไลน์ โดยระบุว่าตนเป็นครูอัตราจ้าง สอนอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งบนดอยสูง ในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอนการเดินทางเข้าพื้นที่ค่อนข้างยากลำบากมาก โดยเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 ตรวจพบเป็นเนื้องอกปีกมดลูกทั้งสองข้าง และได้มีการผ่าตัดก่อนจะกลับไปทำงานอีกครั้งช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2562


โดย ครูบีม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์วันที่ป่วยหนัก กลายเป็นว่าตอนนั้นเธอป่วยฉุกเฉินไม่ได้เขียนใบลางาน ผู้บริหารโรงเรียนแจ้งว่าเธอขาดงานราชการเกิน 15 วันและถูกตำหนิและถูกบีบให้ลาออก เธอจึงไปลาออกจากต้นสังกัด ในตัวอำเภอแม่สะเรียง แต่ไม่สามารถระบุสาเหตุของการลาออกได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ระบุว่าสาเหตุจากการป่วยเป็นเหตุผลที่ไม่เพียงพอ จึงเว้นช่องว่างไว้ ประกอบกับผู้บริหารโรงเรียนอาจถูกตั้งคณะกรรมการสอบ เจ้าหน้าที่จึงยื่นใบลาป่วยให้เธอกรอก พร้อมกับนำใบรับรองแพทย์แนบให้กับผู้บริหารโรงเรียน




ต่อมาเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน 2562 ทางโรงเรียน มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของลูกจ้างชั่วคราว ประจำปีมีผู้ประเมิน 3 คน ประกอบด้วย ประธานกรรมการสถานศึกษา คือผู้ใหญ่บ้าน ส่วนกรรมการฯ คนที่ 2 คือผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน กรรมการทั้งสองให้คะแนนผ่านคือ 90 คะแนน ซึ่งคะแนเต็ม 100 รวมได้ 180 คะแนน แต่ผู้บริหารโรงเรียน ไม่ยอมให้คะแนน และไม่ยอมเซ็นเอกสารประเมิน


ต่อมามีการประเมินรอบสอง ปรากฏว่าผู้บริหารโรงเรียนให้คะแนนตน 57 คะแนน ส่วนคนอื่นให้คะแนน 60 และ 61 ตามลำดับ ทำให้คะแนนเธอตกเหลือ 59.37 เท่านั้น แต่จากการสังเกตพบว่ากรรมการทั้งสองคนให้ตนผ่านกลับระบุในความเห็นควรจ้างต่อไปแต่ควรปรับปรุงแก้ไข


หลังจากเธอจึงไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ที่ต้นสังกัดขอให้มีทางผู้บริหารโรงเรียนประเมินใหม่ ปรากฏว่าทางผู้บริหารโรงเรียนได้เสนอ ครูในโรงเรียนเป็นคณะกรรมการแทนผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งกรรมการจะประกอบด้วยครูใหญ่เป็นกรรมการคนที่ 1 ผู้ใหญ่บ้านเป็นกรรมการคนที่ 2 และครูในโรงเรียนเป็นกรรมการคนที่ 3 ผลการประเมินออกมาผลคะแนนเหมือกับการประเมินรอบ 2 ซึ่งคะแนนทุกรายการมีการลอกมาจากคะแนนการประเมินครั้งที่ 2 แต่มีการเปลี่ยนกรรมการประเมินเท่านั้นจึงทำให้ต้องพ้นสภาพจากความเป็นครูในทันที


หลังจากนั้นจึงได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมไปยังหน่วยงานต้นสังกัดของครูใหญ่ แต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อสำนักเขตพื้นที่การศึกษาฯแล้ว ก็ถูกเขตปฏิเสธความรับผิดชอบ ที่ผ่านมาตน ทำงานด้วยความทุ่มเทเต็มที่ เพื่อให้ความรู้กับเด็กที่นี่ บ่อยครั้งครูในโรงเรียน มีธุระต้องไปดูแลคนในครอบครัวตนก็ปฏิบัติหน้าที่แทนตลอด ตนเรียนจบครูมาต้องการมาให้ความรู้กับเด็กๆในถิ่นทุรกันดาร




ซึ่งการเดินทางเข้าพื้นที่ค่อนข้างยากลำบากระยะทางกว่า 90 กม.ใช้เวลาเดินทาง 5-6 ชั่วโมง บางครั้งฤดูฝนต้องเดินเท้าจูงรถข้ามลำห้วย ข้ามถนนที่เละเป็นโคลน นอกจากนี้ตนยังเป็นเสาหลักของครอบครัวต้องส่งเสียเลี้ยงดูคนในครอบครัวหลายชีวิต หลังจากออกงานมา 2 ปีกว่า ประกอบกับช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด เป็นระยะเวลานาน ทำให้คนในครอบครัวต้องอยู่ด้วยความยากลำบาก จึงอยากร้องขอความเป็นธรรมจากผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย

คุณอาจสนใจ