'พระมหาไพรวัลย์' เผยธรรมะมีหลายรูปแบบ ยันไม่หยุดไลฟ์ เพราะคนรุ่นใหม่ได้ประโยชน์

สังคม

'พระมหาไพรวัลย์' เผยธรรมะมีหลายรูปแบบ ยันไม่หยุดไลฟ์ เพราะคนรุ่นใหม่ได้ประโยชน์

โดย thichaphat_d

7 ก.ย. 2564

95 views

จากปรากฏการณ์สอนธรรมะแนวใหม่ผ่านการไลฟ์ 2 คืนติดต่อกัน ของ 2 พระนักเทศน์ชื่อดัง วัดสร้อยทอง "พระมหาไพรวัลย์" และ "พระมหาสมปอง" ซึ่งมีผู้เข้าชมกว่า 2 แสนคน จนเกิด 2 มุมมองทั้งเห็นด้วยและวิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม


ล่าสุด นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นคำร้องไปยังมหาเถรสมาคม เพื่อสอบสวนเอาผิดพระทั้ง 2 รูป พร้อมเปิดเผยว่า สมาคมฯได้ทำคำร้องส่งไปยังมหาเถรสมาคมผ่าน ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ


เพื่อขอให้มีบัญชาสอบสวนเอาผิดภิกษุอลัชชี (ผู้ไม่ละอาย) ที่ชอบเล่นโซเชียลมีเดีย โดยไลฟ์สดเอาธรรมะมาสอนเป็นเรื่องตลกขบขัน แต่พอมีคนสนใจเข้ามาดูมากๆรวมทั้งมีเพจที่มาคอมเมนท์ขายสินค้า มาโปรโมทแบรนด์ตัวเอง กลับมาทวงถามให้จ่ายค่ามาใช้พื้นที่เพจของตนในขณะไลฟ์สดนั้น


ด้านนายสิปป์บวร แก้วงาม รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นหนังสื่อคำร้องถึงมหาเถรสมาคม ผ่านทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติว่า เรื่องร้องเรียนดังกล่าวเข้ามาในระบบแล้ว แต่ยังไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดว่านายศรีสุวรรณ ร้องเรียนในเรื่องใดบ้าง


ดังนั้นก็ต้องไปดูประเด็นที่ร้องเรียน ว่าเป็นความผิดหรือไม่ผิดตามพระธรรมวินัยหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าคณะผู้ปกครองตามลำดับขั้นของสงฆ์ กรณีนี้พระทั้ง 2 รูป เป็นพระลูกวัดทั่วไป ไม่ได้เป็นพระผู้ปกครอง ดังนั้นเจ้าอาวาสวัดสร้อยทองก็มีหน้าที่สอดส่องดูแลโดยตรงว่า


ข้อร้องเรียนนั้นเป็นสิ่งที่ควรหรือไม่ควร ทำได้หรือทำไม่ได้ เป็นหน้าที่เจ้าอาวาสวัดเป็นผู้พิจารณา ซึ่งหากพบว่าไม่เหมาะสมก็อาจมีการบอกกล่าวตักเตือน ตามการบริหารงานของสงฆ์ อาจไม่จำเป็นต้องบอกสื่อ เพราะคณะสงฆ์ก็มีครรลองของสงฆ์อยู่แล้ว


ส่วนเรื่องร้องเรียนที่ส่งเข้ามา รวมทั้งข้อสงสัยของหลายคน ว่าพระสงฆ์รูปอื่นสามารถทำแบบเดียวกันได้หรือไม่ ในเรื่องนี้เมื่อมีคนร้องเรียนมา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานที่เป็น เลขาธิการมหาเถรสมาคม ก็จำเป็นต้องนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมมหาเถรสมาคม


โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะเป็นผู้รวบรวมข้อมูลทุกด้าน ทั้งด้านดีและด้านลบ นำมาวิเคราะห์ว่าสังคมสะท้อนเรื่องนี้อย่างไร เพื่อให้มหาเถรสมาคม วางกรอบวางแนวทางในการปฏิบัติตนของพระสงฆ์ทั่วประเทศ ให้เป็นไปตามพระธรรมวินัย หรือเหมาะสมกับสมณสารูปต่อไป


ทีมข่าวลงพื้นที่วัดหัวลำโพง เพื่อขอความเห็นพระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง รักษาการเจ้าคณะกรุงเทพมหานครเบื้องต้นทีมข่าวได้พูดคุยกับพระเลขา เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร แจ้งว่า พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ไม่ขอแสดงความเห็นในเรื่องนี้ ส่วนจะเหมาะสมหรือไม่นั้น ขอให้เป็นมติที่ออกมาจากมหาเถรสมาคม (มส.) แต่จนถึงขณะนี้สำนักงานเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ยังไม่มีผู้ใดร้องเรียนเรื่องความไม่เหมาะสมเข้ามา หรือแม้แต่ทางวัดสร้อยทองเองก็ไม่ได้มีการแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้น หรือส่งหนังสือมาถึงสำนักงานเจ้าคณะกรุงเทพมหานครแต่อย่างไร


พระราชปัญญาสุธี (อุทัย ญาโณทโย) ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง กล่าวว่า ได้รับทราบเรื่องที่พระมหาทั้งสองรูปเทศน์สดผ่านเฟซบุ๊กได้รับความสนใจจากประชาชน มีทั้งกระแสที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ทั้งนี้ ยอมรับว่าวิธีการสอนธรรมะของพระทั้งสองรูปมีความเหมาะสมกับกระแสโลกในยุคปัจจุบัน


โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่อยู่บ้านหยุดการแพร่เชื้อ แม้พระสงฆ์เองก็เดือดร้อน หลายวัดงดกิจนิมนต์และงดรับบิณฑบาต เพื่อเป็นการป้องกันตนเองส่งผลให้พระภิกษุสามเณรภายในวัดไม่สามารถออกบิณฑบาตได้ ไปเรียนหนังสือก็ไม่ได้ ต้องเรียนผ่านออนไลน์


ดังนั้นการเทศนาบรรยายธรรมของพระทั้งสองรูปก็อาจเป็นแนวทางใหม่ ให้คนหันมาสนใจธรรมะ โดยไม่ต้องไปรวมตัวเป็นกลุ่มกัน เน้นไปยังกลุ่มวัยรุ่นหรือคนหนุ่มสาว เพื่อให้คนกลุ่มนี้สนใจก่อนในเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม พระทั้งสองรูป ก็อาจยังมีการแสดงออกที่ขาดความสำรวมไปบ้าง


ซึ่งตรงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องความผิดร้ายแรง สามารถกล่าวตักเตือนให้ท่านระมัดระวังเรื่องการวางตัวให้เหมาะสมแก่สมณสารูปได้ ทั้งนี้ วิธีการแบบที่ท่านพระมหาทั้งสองกำลังทำอยู่ต้องทำใจยอมรับว่ามีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่โดยส่วนตัวมองว่า เรื่องใดที่ให้ประโยชน์มากกว่า ก็สามารถดำเนินการได้ โดยให้อยู่บนหลักความถูกต้องและเหมาะสมกับความเป็นสงฆ์


ด้านพระมหาสมัคร มหาวีโร เจ้าคณะเขตบางซื่อ กล่าวว่า ต้องให้เจ้าคณะผู้ปกครองโดยตรงพิจารณาถึงความเหมาะสม คือ ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง แต่จากความเห็นส่วนตัว มองว่าเรื่องการเทศน์บรรยายธรรมของพระทั้งสองรูป ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายแก่คณะสงฆ์แต่อย่างใด เพราะเป้าหมายสูงสุดของการบรรยายธรรม ก็คือให้คนสนใจในหลักธรรมพระพุทธศาสนา


แต่วิธีการของท่านที่ปรากฏในสื่อ การพูดการแสดงออก มุกตลก อาจจะมีหลายคนยังรับไม่ได้ ก็ต้องมีการปรับปรุงกันไปให้เกิดความพอดี คือ มีทั้งสาระ บันเทิง และอยู่ในกรอบแห่งความพอดี และเท่าที่เคยพูดคุยกับพระทั้งสองรูป ท่านก็เป็นพระหนุ่มที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความรู้ และมีเจตนาดีที่ต้องการให้ประชาชนสนใจธรรมะ แต่ด้วยความเป็นพระหนุ่ม บางสิ่งบางอย่างที่ดำเนินการ ก็อาจมีเกินเลยไปบ้าง พระผู้ใหญ่ก็ต้องตักเตือนให้ท่านรับรู้ ส่วนท่านทั้งสองก็ต้องน้อมรับและนำมาปรับปรุง


ขณะที่ พระมหาไพรวัลย์ เผยกับทีมข่าวว่า สำหรับคนที่วิจารณ์ว่าสิ่งที่อาตมาพูดไม่เหมาะสมนั้น อยากให้เข้าใจว่าอาตมาไม่ได้พูดให้โยมฟัง ธรรมะมันมีหลากหลาย ทั้งรูปแบบ วิธีการ กลุ่มคนที่อยากจะฟัง ที่อาตมาทำแบบนี้เพราะอยากให้เกิดความสนุก มีการเอนเตอร์เทน เป็นธรรมะที่เข้าถึงคนรุ่นใหม่ เข้าใจว่าคนมีหลายรุ่น


หากท่านใดไม่ชอบแสดงว่าไม่ได้อยู่ในกลุ่มคนรุ่นใหม่นี้ ก็ไม่ต้องฟังเท่านั้นเอง แต่หากบอกว่าไม่เหมาะสมและจะไม่ให้ทำแบบนี้ จะทำให้คนรุ่นใหม่ไม่ได้ประโยชน์จากสิ่งที่อาตมาจะสอน


สำหรับบางท่านที่บอกว่า ไม่สำรวม อายศาสนาอื่นนั้น อาตมาอยากบอกว่า อายตัวเองเถอะ อาตมามีลูกศิษย์ที่เป็นคนต่างศาสนาเยอะมาก เพราะวิธีการที่เราสอน มีความเป็นกันเองกับเขา เป็นมิตรกับเขา ไม่เอามาดของความเป็นพระมาดของความเป็นศาสนาไปคุยกับเขา สิ่งที่เราพูดเป็นเรื่องทั่วไป ซึ่งศาสนาอื่นก็อาจสอนแบบนี้เหมือนกัน ฉะนั้นไม่ต้องไปกลัวว่าเขาจะอาย จากยอดคนเข้ามาฟังเป็นการสะท้อนว่าคนอื่นอาจจะไม่ได้มองแบบท่านก็เป็นได้ ท่านตามโลกให้ทัน


ขณะนี้ ท่านเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง และสำนักพุทธศาสนา ยังไม่ได้เรียกเข้าพูดคุย แต่คาดว่าน่าจะเร็วๆ นี้ แต่ที่สำนักพุทธฯ บอกว่าไม่ผิดวินัยร้ายแรง ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ปกติท่านจะพูดชัดเจนเลยว่า ถูกผิด ไม่เหมาะสม แต่นี่ท่านให้พื้นที่ ให้ใช้วิจารณญาณกันเอง เป็นการให้พื้นที่คน


คนที่ไม่เห็นด้วย อย่าเอาทัศนะของตัวเอง ใช้พื้นที่ของตัวเองมาตัดสิน แล้วทำให้คนอื่นไม่เหลือพื้นที่เลย ถ้าคนอื่นเขาอยากฟังธรรมะแบบนี้ แล้วเป็นผลดีกับศาสนาก็ปล่อยไว้เถอะเหมือนที่อาจารย์พยอมบอกว่า ลองเอาสิ่งที่เกิดขึ้น ขึ้นตาชั่งดู มีคุณหรือโทษมากกว่ากัน หากมีคุณมากกว่า จะเสียหายเล็กๆ น้อยๆ ก็ช่างมันเถอะ


ส่วนกรณีโยมศรีสุวรรณ อาตมามองว่าเป็นหน้าที่เขา เขาเป็นนักร้อง หน้าที่ของนักร้องก็คือต้องร้อง ซึ่งเขาจะร้องก็ร้องไป ไม่มีปัญหา ส่วนกรณีที่อาตมาโพสต์เลขบัญชีพร้อมเพย์นั้นไม่ได้เป็นการบังคับให้ใครมาโอนเงิน ตอนแรกแค่เพียงหยอกล้อแบรนด์ต่างๆ ที่เข้ามาใช้พื้นที่โปรโมทสินค้าตัวเองจนอาตมาไม่ได้อ่านคอมเมนท์คนอื่นๆ แต่ภายหลังมีแบรนด์ต่างๆ โอนเงินเข้ามาจริง ซึ่งอาตมามีลูกศิษย์ดูแลอยู่


ส่วนนี้จะเอาไว้ทำหลายอย่าง เช่น เดินทางนำสิ่งของไปช่วยคนที่อยู่ในศูนย์โควิด สนับสนุนเป็นทุนการศึกษาทั้งของพระเณรที่อาตมาสอน และเด็กวัด (แอดมินช่อง) ที่ช่วยงาน และกำลังเรียนอยู่ในระดับ ปวช. อย่างไรก็ตามยืนยันว่า หลังจากนี้จะไลฟ์สอนธรรมะต่อแน่นอน จะไม่หยุดเพราะคำวิจารณ์ของคนเพียงไม่กี่คน แต่ก็จะระมัดระวังให้สำรวมมากกว่านี้



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/r_TFbdAVLfs

คุณอาจสนใจ

Related News