จากกรณีมีการเผยแพร่คลิปในโซเชียลมีเดีย ว่ามีเด็กนักเรียน ใช้แอปพลิเคชันช่วยเฉลยการบ้าน โดยลักษณะเป็นการถ่ายรูปโจทย์ และตัวแอปฯ จะปรากฎคำตอบออกมาให้

ทีมข่าวพูดคุยกับเด็กนักเรียนชั้น ป.6 คนหนึ่ง ซึ่งบอกว่าได้ใช้แอปพลิเคชันนี้ช่วยทำการบ้านเหมือนกัน น้องบอกว่า รู้จักแอปฯ นี้จากเพื่อน เห็นเพื่อนใช้ก็ใช้ตามต่อ ๆ กันมา โดยใช้มาได้ประมาณ 1 ปีแล้ว เพื่อนใช้กันเกือบหมดเพราะส่วนใหญ่ก็มีสมาร์ทโฟนกัน โดยแอปฯ นี้จะช่วยในการทำโจทย์วิชาคณิตศาสตร์ ด้วยการถ่ายรูปสแกนโจทย์ และแอปฯ ก็จะคำนวณคำตอบออกมาให้ พร้อมมีวิธีทำโดยละเอียดให้ดูด้วย เท่าที่เคยใช้มาคำตอบที่ได้ก็ค่อนข้างตรงกับความเป็นจริง ทั้งนี้ ตนเองยังไม่เห็นว่ามีแอปฯ ลักษณะเดียวกันนี้ในเนื้อหาวิชาอื่น ๆ ด้วยหรือไม่

เด็กนักเรียน ยังบอกด้วยว่า รู้สึกชอบแอปฯ นี้ มองว่าเป็นแอปฯ ที่ดี เพราะช่วยให้ทำการบ้านได้แม้จะเรียนไม่รู้เรื่อง แล้วก็สะดวกด้วย เพราะว่ามีวิธีทำให้ดู แต่เมื่อถามว่า ปกติแล้วดูแต่คำตอบหรือดูวิธีทำด้วย น้องตอบพร้อมรอยยิ้มว่า ดูแต่คำตอบ

ในมุมของครูผู้สอน นายนิธิ ศรีสดใสสกุล ครูชำนาญการ โรงเรียนสตรีวิทยา 2 เปิดเผยว่า แอปพลิเคชันตัวนี้จริง ๆ  มีมานานแล้ว โดยเริ่มเห็นเด็กมัธยมใช้กันเยอะเมื่อช่วง 5 - 6 ปีที่แล้ว แต่ด้วยเทคโนโลยีทำให้ตอนนี้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง ถ้าไปเปิดโทรศัพท์มือถือดู ใน 1 ห้องเรียน ต้องมีเด็กกว่า 80% ที่มีแอปพลิเคชันนี้ ซึ่งตัวแอปฯ สามารถหาคำตอบได้ค่อนข้างแม่นยำกว่า 90% บางครั้งครูเองก็ใช้เพื่อเช็กคำตอบ หรือเปรียบเทียบวิธีทำ

โดยส่วนตัวมองว่า การทำการบ้านมีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกฝน ทบทวนบทเรียน การใช้แอปฯ เข้ามาช่วยก็เป็นเรื่องดี เพราะมีวิธีทำให้ศึกษา แต่ปัญหาคือส่วนมากเด็กจะลอกคำตอบอย่างเดียว ทั้งนี้ ครูเองสนับสนุนและไม่ปิดกั้นการใช้เทคโนโลยีอยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าเด็กใช้ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่อยากแนะนำให้ใช้อย่างถูกวิธี ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ส่วนที่น่าเป็นห่วงตอนนี้คือเด็กเล็ก หรือนักเรียนชั้นประถมที่เริ่มเข้าถึงเทคโนโลยีได้มากขึ้น ต้องฝากให้ผู้ปกครองดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะการเรียนรู้ในช่วงวัยนี้ การฝึกทักษะสำคัญมาก ผู้ปกครองควรแนะนำและดูแลให้เด็กใช้แอปฯ ในการตรวจคำตอบ ตรวจดูวิธีทำเท่านั้น แต่เด็กควรต้องได้ฝึกทำด้วยตนเอง