วันที่ 25 กรกฎาคม 2564 ณ บริเวณลานจอดรถประชาชน อำเภอเมืองปัตตานี ประชาชนชาวปัตตานีนำรถส่วนตัวพาบุคคลในครอบครัวในกลุ่มเป้าหมายเปราะบาง ไปรับบริการฉีดวัคซีนโควิดแอสตราเซเนกา ที่จังหวัดได้จัดเตรียมบริการแบบไดร์ฟ ทรู (Drive thru) สำหรับผู้ที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดปัตตานี โดยมีหัวหน้าส่วนต่าง ๆ และบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมให้ความดูแลตลอดทั้งวัน ซึ่งจะให้บริการเฉพาะวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ ในเวลา 09.00 – 16.00 น. เท่านั้น

โดยบรรยากาศวันนี้ ประชาชนชาวปัตตานีต่างทยอยนำรถยนต์ส่วนบุคคลพร้อมพาผู้สูงอายุและกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป เข้ามารับวัคซีนที่บริการแบบไดร์ฟทรู ที่อาคารจอดรถอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีเจ้าหน้าที่แพทย์บริการฉีดวัคซีนให้โดยไม่ต้องลงจากรถแต่ต้องดับเครื่องยนต์ทุกครั้งเมื่อถึงเวลาฉีดวัคซีน และต้องเตรียมบัตรประชาชนเพื่อทำเรื่องเอกสารฉีดวัคซีนเท่านั้น เมื่อทำการฉีดวัคซีนเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่จะแนะนำในส่วนการปฏิบัติในช่วงสังเกตอาการ โดยจะต้องขับรถไปจอดที่ชั้นถัดไป เพื่อสังเกตอาการและรอรับเอกสาร หากมีอาการรุนแรงเกิดขึ้น ให้บีบแตรรถเพื่อเป็นการเรียกเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาดูแลอาการโดยทันที

นายแพทย์ชัยรัตน์ ลำโป นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปัตตานี ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นคำสั่งจากผู้ว่าราชการจังหวัด นายราชิด สุดพุ่ม ที่จะเพิ่มช่องทางการเข้าถึงวัคซีนโควิด 19 สำหรับผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ซึ่งวันนี้จะให้บริการแบบไดร์ฟทรู เพื่อที่จะตอบโจทย์กับกลุ่มดังกล่าวที่ไม่สะดวกมาฉีดวัคซีนในวันราชการ และอีกประการก็คือหลายคนอาจจะมีปัญหาในการเคลื่อนไหวร่างกาย ซึ่งทางเราก็จะฉีดวัคซีนให้ประชาชนถึงบนรถโดยไม่ต้องลงจากรถเลย

ซึ่งนี่ก็เป็นเป้าหมายอย่างหนึ่งในการดูแลผู้ป่วยโควิดของจังหวัดปัตตานี ซึ่งทางจังหวัดปัตตานีมีอัตราการเสียชีวิตจากโควิด 19 ค่อนข้างสูงซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว ทางจังหวัดจึงต้องเร่งสร้างภูมิคุ้มกันในกลุ่มนี้โดยเร็วที่สุด และตอนนี้ก็ทำการเร่งค้นหาเชิงรุกเพื่อที่จะแยกเชื้อจากชุมชนและครอบครัว ด้วยการใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) เพื่อที่จะเร่งติดตามและแยกโรคออกจากชุมชนโดยเร็วที่สุด ล่าสุดสถานการณ์โควิด 19 ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ที่เป็นพื้นที่สีแดงเข้ม ทวีความรุนแรงขึ้น โดยยอดผู้ติดเชื้อวันที่ 24 กรกฎาคม 64 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 275 คน ยอดสะสม 7,488 คน รักษาหาย 4,364 คน และพบผู้เสียชีวิตวันเดียวดับ 6 ศพ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมเพิ่มขึ้น 91 ศพ