ปชช.ทยอยกลับเข้าบ้าน หลังเหตุโรงงานหมิงตี้สงบ ตร.แนะถ่ายรูปบ้านเสียหายไว้ก่อน จากนั้นซ่อมได้ทันที

สังคม

ปชช.ทยอยกลับเข้าบ้าน หลังเหตุโรงงานหมิงตี้สงบ ตร.แนะถ่ายรูปบ้านเสียหายไว้ก่อน จากนั้นซ่อมได้ทันที

โดย thichaphat_d

8 ก.ค. 2564

7 views

จากเหตุการณ์ระเบิดและไฟไหม้ภายในบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ซอยกิ่งแก้ว 21 อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย และเจ้าหน้าที่กู้ภัยเสียชีวิต 1 ราย คือ นายกรสิทธิ์ ราวพันธ์ อายุ 19 ปี หรือ พอส อาสาสมัครฯหน่วยสมเด็จเจ้าพระยา ขณะเดียวกันมีผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ดังกล่าวจำนวนมาก


พลตำรวจตรี ชุมพล พุ่มพวง ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า เรื่องของความเสียหายนั้นก็ถือเป็นสิทธิของผู้เสียหายที่จะฟ้องร้องทางแพ่ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะทำหน้าที่เป็นคนกลางในการเรียกผู้เสียหาย กับผู้ที่จะต้องมารับผิดชอบมาเจรจาในเรื่องค่าเสียหายกัน


ส่วนในเรื่องคดีก็เป็นเรื่องของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องหาว่าสาเหตุเกิดจากความประมาทของใคร ดังนั้นพี่น้องประชาชนไม่ต้องวิตก เบื้องต้นให้ท่านถ่ายภาพทรัพย์สินที่เสียหายไว้ แต่ถ้ามีเหตุที่จะต้องซ่อมแซมในทันที อย่างนี้ก็ให้ดำเนินการซ่อมได้เลยก็ให้ถ่ายภาพไว้ว่าซ่อมแซมอะไรไปเท่าไหร่รวมทั้งเก็บใบเสร็จไว้ด้วย เพื่อจะได้เป็นหลักฐานในการเรียกร้องต่อไป


ศูนย์ติดตามสถานการณ์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานความคืบหน้ากรณีเหตุไฟไหม้โรงงานโรงงานหมิงตี้ เคมิคัล จำกัด ว่า ประเด็นการจัดการสารเคมี ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปประเมินและวางแนวทางควบคุม เพื่อไม่ให้เกิดการลุกไหม้จากสารเคมีอีก โดยแยกการจัดการเป็น 2 ส่วน คือ การจัดการสารเคมีที่ตกค้างในที่เกิดเหตุและบริเวณโดยรอบ จะใช้สารเคมีชนิดอื่นเพื่อปรับสภาพไม่ให้เป็นเชื้อเพลิงได้ต่อไป สารเคมีที่อยู่ในถังจัดเก็บจะได้วางแผนจัดการตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญต่อไป


วานนี้เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินมลพิษจากสารเคมี โดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 ชลบุรี ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างคุณภพน้ำและอากาศ บริเวณชุมชนในรัศมี 1 กิโลเมตร รอบโรงงานระเบิดอีกครั้ง เป็นวันที่ 2 เพื่อส่งตรวจหาสารปนเปื้อนในห้องปฏิบัติการ เนื่องจากเมื่อวันก่อนเกิดฝนตกได้ชะล้าง เขม่าหรือขี้เถ้า ที่ลอยในชั้นอากาศ ตกปนลงสู่พื้นดินและแหล่งน้ำต่างๆเสี่ยงเกิดอันตรายต่อสุขภาพประชาชนหากใช้น้ำฝนนี้ สำหรับผลตรวจสารปนเปื้อนทั้ง 2 ชนิดจะทราบผลประมาณ1สัปดาห์ว่ามีความปลอดภัยต่อสุขภาพหรือไม่


นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เผยผลตรวจสอบไอระเหยสารเคมีในบรรยากาศบริเวณภายในโรงงาน ตรวจไม่พบสารสไตรีนโมโนเมอร์และฟอร์มัลดีไฮด์ และภายนอกบริเวณด้านหน้าโรงงานก็ตรวจไม่พบสารสไตรีน /ส่วนฟอร์มาดีไฮด์พบมีปริมาณ 0.007 ไมโครกรัมต่อลูกบาศ์กเมตร (ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 0.9 ppm) ซึ่งไม่เกินค่ามาตรฐาน ขณะที่บริเวณชุมชนใกล้โรงงาน 3 จุด ในรัศมี 1-2 กม. ตรวจไม่พบทั้ง 2 สารข้างต้น


ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่จากสำนักงานอุตสาหกรรมสมุทรปราการ นำประกาศเรื่องให้หยุดประกอบกิจการโรงงานทั้งหมด ปิดประกาศด้านหน้าโรงงานหมิงตี้ สาระสำคัญคือ ให้หยุดประกอบกิจการ และดำเนินการควบคุมจัดการเครื่องจักร อุปกรณ์ในพื้นที่เกิดเหตุ ให้จัดการเรื่องสิ่งปฏิกูล หรือวัตถุที่ไม่ใช้แล้ว อีกทั้งให้จัดการสารเคมีที่ตกค้างทั้งหมด ให้มีสภาพปลอดภัยเหมาะสม กำหนดให้แล้วเสร็จวันที่ 20 สิงหาคม 2564 พร้อมทั้งสั่งห้ามไม่ให้พนักงาน เจ้าหน้าที่ของโรงงานเข้าดำเนินการใด ๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมายโทษทั้งจำและปรับ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 17.00 น. ทางจังหวัดฯ ผ่อนปรน ให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ในระยะตั้งแต่มากกว่า 1 กิโลเมตร คือ 2-5 กม.กลับบ้านได้ /ส่วนการตัดสินใจให้ประชาชนที่อยู่รัศมีโดยรอบ โรงงาน 1 กิโลเมตร กลับเข้าบ้านพักอาศัยได้จะต้องนำสารเคมีออกจากพื้นที่ไปทำลายก่อนตอนนี้ยังไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่โดยมีการนำแผงเหล็กมากั้นปิดหน้าปากซอย


เมื่อวานนี้ (7 ก.ค.) ชาวบ้านที่ได้รับอนุญาตกลับเข้าบ้านได้ ต่างทยอยขนข้าวของกลับบ้านของตัวเอง อย่างเช่น ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในซอยกิ่งแก้ว 39 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่กรมการปกครอง นำรถบรรทุก 6 ล้อ มาส่งประชาชนที่อาศัยอยู่ในซอยดังกล่าว ซึ่งชาวบ้านได้อพยพไปอยู่ที่ศูนย์อพยพวัดหลวงพ่อโต ตั้งแต่วันเกิดเหตุ บางคนไปมีมีเสื้อผ้าติดตัวไม่กี่ผืน แต่กลับมาพร้อมกับสิ่งของที่ได้รับบริจาคช่วยเหลือจากหน่วยงานต่าง ๆ


ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ได้คุยกับชาวบ้านรอบพื้นที่โรงงานหมิงตี้ เคมีคอล จำกัด วอนตำรวจเพิ่มกำลังสายตรวจหลังมีโจรเข้ามาลักเล็กขโมยน้อยในชุมชนโดนไปแล้วหลายหลัง อย่างเช่น ชุมชนวัดกิ่งแก้ว หมู่ 13 ต.ราชาเทวะ ซึ่งอยู่ใกล้เคียงโรงงาน พบว่าชาวบ้านกลับมาสำรวจความเสียหายกันบ้างแล้ว มีบ้าน 3-4 หลังที่โดนโจรขึ้นบ้าน


อย่างร้านขายของชำร้านหนึ่ง ก็ถูกโจรเข้ามาขโมยข้าวสารอาหารแห้งไป ซึ่งเจ้าของร้านบอกว่า วันเกิดเหตุพอเจ้าหน้าที่บอกให้อพยพก็รีบปิดร้าน เอาผ้าคลุมของในร้านไว้ แต่พอกลับมาดูที่บ้าน ปรากฎว่ามีคนปีนเข้ามาในร้านและมีขนม ข้าวของในร้านที่หายไป ส่วนตัวไม่อยากเอาเรื่องเป็นคดีความ แต่ไม่อยากให้คนร้ายอาศัยช่วงที่กำลังวิกฤตมาฉวยโอกาส ตั้งแต่เกิดเหตุชาวบ้านจัดเวรปั่นจักรยานตรวจตรา เฝ้าระวังโมยที่อาศัยจังหวะเข้ามาลักทรัพย์ในบ้านเรือน จึงอยากขอร้องให้เจ้าหน้าที่สายตรวจเข้ามาตรวจตรา


ส่วนเรื่องการเยียวยาหรือความช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย ชาวบ้าน บอกว่า ไม่อยากรอความช่วยเหลือจากหน่วยงานของภาครัฐหากมัวแต่นั่งรอการเยียวยาคิดว่าไม่น่าจะทัน เพราะตั้งแต่เกิดเหตุก็ไม่เห็นมีหน่วยงานไหนเข้ามาสำรวจความเสียหายอย่างมากก็แค่เข้ามาถ่ายรูปแล้วก็ไป


ในเรื่องนี้ พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เรียกประชุมตำรวจเพื่อปรับแผนในการดูแลทรัพย์สินของประชาชนใหม่ โดยจัดกำลังตำรวจเดินเท้าตามจุดต่าง ๆ ที่เป็นจุดเสี่ยงและมีการนำรถตำรวจ เข้าไปตรวจอย่างเข้มข้นทั้งกลางวันกลางคืน รวมถึงติดกล้องวงจรปิดเพิ่มในพื้นที่ และมีกำลังทหารและฝ่ายปกครองช่วยสนับสนุนในพื้นที่ด้วย ยอมรับว่าแม้ตำรวจจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวด แต่ก็อาจมีหลุดรอดไปบ้าง


ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือ วสท. กล่าวว่า จนถึงขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนขอให้เข้าตรวจสอบความปลอดภัยของโครงสร้างอาคารบ้านเรือน ก่อนกลับเข้าไปอาศัยอีกครั้งแล้ว 167 หลัง เบื้องต้นมีวิศวกรอาสาที่พร้อมเข้าดำเนินการ 40 คน แนวทางปฏิบัติจะมีการแบ่งออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน ในวิศวกรที่เชี่ยวชาญหลายสาขา เพราะต้องพิจาณาทั้งโครงสร้าง ระบบไฟฟ้าและสารเคมี


ขณะนี้อยู่ระหว่างรอเจ้าพนักงานท้องถิ่นประเมินความปลอดภัยและอนุญาตให้เข้าพื้นที่ ก็พร้อมดำเนินการทันที โดยจะใช้อุปกรณ์ตรวจสอบเทคนิคเชิงลึกเข้าตรวจสอบ เพราะไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ส่วนตัวโรงงานที่เกิดเหตุนั้น ทาง วสท.ได้รับการประสานให้ช่วยลงพื้นที่ตรวจสอบและให้คำแนะนำแนวทางการรื้อถอนแล้ว โดยได้นัดหมายเข้าตรวจในพื้นที่วันนี้ (8 ก.ค.)


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/e8izfJeBisM

คุณอาจสนใจ

Related News