33 ชั่วโมงกับภารกิจ #โรงงานกิ่งแก้วไฟไหม้ อบต.บางพลีใหญ่ ขอความร่วมมือปชช. ห้ามกลับเข้าพื้นที่เด็ดขาด

สังคม

33 ชั่วโมงกับภารกิจ #โรงงานกิ่งแก้วไฟไหม้ อบต.บางพลีใหญ่ ขอความร่วมมือปชช. ห้ามกลับเข้าพื้นที่เด็ดขาด

โดย sujira_s

6 ก.ค. 2564

164 views

แม้จะผ่านมากว่า 33 ชั่วโมงแล้ว แต่ยังคงต้องเกาะติดสถานการณ์เพลิงไหม้โรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติกบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ในซอยกิ่งแก้ว 21 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการอย่างต่อเนื่อง เพราะเจ้าหน้าที่ยังต้องฉีดน้ำ เพื่อป้องกันการปะทุของไฟขึ้นมาอีกครั้ง และตลอดทั้งคืนจนกระทั่งเช้ายังคงมีไฟปะทุขึ้นมาตลอด เราจะไปย้อนติดตามสถานการณ์ตั้งแต่ช่วงเที่ยงวานนี้หลังเกิดไฟปะทุขึ้นมาเป็นรอบที่ 2 ทำให้ต้องสูญเสีย เจ้าหน้าที่ดับเพลิงไป 1 นาย และบาดเจ็บอีก 3 นาย


ประมาณช่วงเที่ยงขณะอาสาสมัครดับเพลิงเข้าปฏิบัติหน้าที่ฉีดน้ำควบคุมเพลิงไม่ไห้ลุกลามไปยังถังเก็บสารเคมีใต้ดิน ซึ่งช่วงนั้นเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมสังเกตแล้วว่าไฟเริ่มลามมา และไม่ปลอดภัยจึงสั่งให้ทีมปฏิบัติงาน 4 คนที่อยู่บริเวณนั้นถอนตัวออกมาโดยเร็ว แต่ก็ไม่ทัน เพราะเพียงเสี้ยววินาที ไฟได้ลุกล้อมอาสาสมัครดับเพลิงทันที เจ้าหน้าที่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างรีบวิ่งเข้าไปช่วยด้วยการนำน้ำไปฉีดดับไฟ


สามารถช่วยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลเมืองลัดหลวง จ.สมุทรปราการออกมาได้ 3 คน คือ นาย กฤษณะ นุชสุวรรณ หรือ ติ อายุ 32 ปี ถูกไฟคลอกทั้งตัว อาการสาหัส, นาย นันทปรีชา มีแสง อายุ 25 ปี หรือ อู๋ถูกไฟคลอกที่ฝ่ามือทั้ง 2 ข้าง และหน้าแข้งทั้ง 2 ข้าง, อีกคนบาดเจ็บเล็กน้อยถูกไฟลวกที่มือ


แต่ที่น่าเศร้าคือ มีอาสาสมัครนักดับเพลิงเสียชีวิต 1 คน คือ นาย กรสิทธิ์ ลาวพันธ์ หรือ พอส เด็กหนุ่มวัย 19 ปี ที่มีความฝันเป็นกู้ภัยตามรอยพ่อและพี่ชาย


และจากเหตุเพลิงที่ปะทุครั้งนี้ทำให้ต้องอพยพเจ้าหน้าที่ออกจากพื้นที่ทันที และปรับแผนการทำงานอีกครั้ง โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ของกรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานครเข้ามาสนับสนุน ขนโฟมเคมีผสมน้ำโปรยลงมาจากด้านบน


ส่วนภาคพื้นที่ดินก็ใช้เครื่องพ่นโฟมเคมีฉีดพ่นช่วยอีกทางหนึ่ง ซึ่งสถานการณ์ในช่วงเย็นวานนี้ถือว่าวิกฤติ เพราะต้องกันประชาชนทั้งหมดในรัศมี 5 กิโลเมตร ออกไปอยู่ศูนย์อพยพและกันพื้นที่โดยรอบห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป รวมถึงสื่อมวลชน เพราะมีทั้งสารเคมี และอันตรายที่เกิดจากเพลิงไหม้


ปฏิบัติการดับเพลิงด้วยเฮลิคอปเตอร์ดำเนินต่อไปจนถึงช่วงค่ำ ทีแรกเหมือนว่าจะควบคุมเพลิงได้ แต่ประมาณ 3 ทุ่มเกิดไฟปะทุขึ้นมาอีกรอบ จึงต้องปรับแผนการทำงานกันอีกครั้ง จากนั้นมีเจ้าหน้าที่กราฟลุ่ม ปตท.โออาร์ ศรีราชา ซึ่งเดินทางมาจากจังหวัดชลบุรี ภารกิจหลักที่ต้องรีบทำ คือ ปิดวาล์วท่อส่งสารเคมี เพื่อทำให้เพลิงสงบลง เจ้าหน้าที่ใช้เครื่องมือพิเศษเข้ามาตรวจสอบก่อนจะสามารถปิดวาล์วได้ในเวลาประมาณ 5 ทุ่ม 40 นาที


ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนาย วันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้ออกมายืนยันว่าใช้โฟมอัดจนสามารถเข้าถึงวาล์วและสามารถปิดวาล์วได้ทั้ง 3 จุดได้แล้ว สามารถควบคุมเปลวไฟได้และควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้แล้ว แต่ยังต้องใช้น้ำฉีดเพื่อควบคุมความร้อนไว้ตลอด


แต่ประมาณ เที่ยงคืนครึ่ง เกิดไฟลุกขึ้นมาเป็นรอบที่ 4 และโหมขึ้นอย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ต้องระดมฉีดโฟมเคมีนานกว่า 1 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบลงอีกครั้งเหลือเพียงกลุ่มควันจางๆ แต่เปลวไฟก็ยังคงปะทุขึ้นมาเป็นระยะ ซึ่งมีความร้อนใกล้กับแท่งบรรจุเคมีขนาดใหญ่ ทีมดับเพลิงต้องฉีดน้ำและเคมีโฟมเลี้ยงตลอดเวลา


กระทั่ง 05.20 น. เจ้าหน้าที่ยืนยันไม่พบแสงเพลิงแล้ว แต่ต้องฉีดน้ำหล่อเย็นไว้อยู่ และต้องใช้เฮลิคอปเตอร์โปรยโฟมเคมีเรื่อยๆ


แต่แล้ว 7 โมง ก็มีเสียงดังคล้ายระเบิดขึ้น 3 ครั้ง ที่ใต้ดินของโรงงาน จนต้องฉีดโฟมควบคุมเพลิงอีกครั้ง ใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงก็สามารถควบคุมเพลิงได้


ถ้าดูจากภาพมุมสูงจะเห็นภาพความเสียหายเป็นวงกว้างแลบริเวณพื้นที่ส่วนกลางของโรงงานที่ใกล้กับแท็งค์ขนาดใหญ่จะมีโฟมเคมีเป็นจำนวนมาก ซึ่งจนถึงขณะนี้ปฏิบัตการยังไม่หยุด ยังต้องฉีดน้ำหล่อไปเรื่อยๆ เพราะด้านในโรงงานยังคงมีความร้อนสูง และตำรวจพิสูจน์หลักฐานยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ในวันนี้จนกว่าสถานการณ์จะเรียบร้อย


ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ต้องสูญเสียน้องพอส อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัย หน่วยธนบุรี 28 วัย 19 ปีไปอย่างกะทันหัน ซึ่งน้องพอสเข้ามาทำงานอาสาสมัครกู้ภัยตั้งแต่ปลายปี 2563 พราะมีความใฝ่ฝันอยากเป็นกู้ภัยเหมือนพ่อและพี่ชาย จึงตั้งใจฝึกฝนการดับเพลิงและกู้ภัยมาตลอด และยังเคยเข้าร่วมการดับเพลิงเหตุไฟไหม้บ้านถล่มที่หมู่บ้านกฤษดานครด้วย ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้ทีมงานจะเดินทางไปรับร่างของน้องที่โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรนฤบดินทร์ เพื่อเคลื่อนศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดทุ่งครุ


ขณะที่แม่ของน้องพอส โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "ดวงใจของแม่เก่งที่สุด แม่ภูมิใจในตัวลูกนะ" มีเพื่อนและครอบครัวมาแสดงความเสียใจเป็นจำนวนมาก


ส่วนประชาชนที่อยู่ในรัศมี 5 กิโลเมตร เมื่อคืนนี้ต้องอพยพไปนอนตามศูนย์ต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้มีทั้งหมด 8 แห่ง ซึ่งเมื่อเช้าทีมข่าวเข้าไปพูดคุยกับประชาชนที่อพยพมาค้างแรมที่โรงเรียนบางพลีใหญ่กลาง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ กว่า 230 คน พบว่าทุกคนต้องพักค้างคืนที่นี่อย่างน้อย 3 วัน เพราะยังคงมีปัญหาเรื่องสภาพอากาศและสารพิษที่อาจจะตกค้าง ทำให้ประชาชนหลายคนกังวล นอนไม่หลับทั้งคืน


นาย ฉะโอด รุ่งเรือง นายก อบต.บางพลีใหญ่ ขอความร่วมมือห้ามประชาชนกลับเข้าพื้นที่เด็ดขาด ส่วนการดำเนินคดีกับโรงงานตำรวจแจ้งว่ายังต้องรอสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง อีก 8 คน ทั้งเจ้าของโรงงาน กรรมการ และวิศวกร ขณะที่ประชาชนที่ได้รับความเสียหายเข้าแจ้งความแล้วเกือบ 300 ราย ความเสียหายยังประเมินไม่ได้ต้องรอเจ้าของและประกันภัยเข้าตรวจสอบอีกครั้ง หลังเข้าพื้นที่ได้

คุณอาจสนใจ

Related News