ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลระบุว่า มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเอาผิดผู้ก่อตั้งเครือข่ายจิตอาสาแล้ว 8 คดี พบเป็นความผิดในข้อหากระทำอนาจารและล่วงละเมิด ในพื้นที่ กรุงเทพฯ 5 คดี ส่วนอีก 3 คดี เป็นพื้นที่ต่างจังหวัด

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลชี้แจงหลังจากมีผู้เสียหายจำนวน 20 คน เข้าร้องทุกข์กับตำรวจ สน.สายไหม ให้ดำเนินคดีกับผู้ก่อตั้งเครือข่ายจิตอาสาอายุ 55 ปี ก่อเหตุล่วงละเมิดนักเรียนมัธยม และข่มขู่ไม่ให้นำเรื่องดังกล่าวไปเปิดเผย

หลังจากสอบปากคำผู้เสียหายแล้ว พบว่าสามารถแจ้งความได้ที่ สน.สายไหม จำนวน 5คน ในข้อหากระทำอนาจาร 4 คดี และคดีล่วงละเมิด (ข่มขืน) 1 คดี โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อปี 2558 และล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา ส่วนผู้เสียหายอีก 3 คน เหตุเกิดขึ้นที่ จ.เชียงใหม่ 2 คดี และ พื้นที่จังหวัดปทุมธานี 1คดี จึงได้ทำหนังสือมอบให้ท้องที่เกิดเหตุดำเนินการตามกฎหมาย โดยทางผู้กำกับการ สน.สายไหม ยังได้สอบปากคำพยานไว้ 2 ปาก ส่วนที่เหลือได้นัดให้การเพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า

โดยคดีนี้ต้องหารือกับพนักงานอัยการว่าเพียงพอใช้ในการสั่งฟ้องต่อศาลหรือไม่ และเนื่องจากความผิดที่มีการแจ้งความมีข้อหาไม่เหมือนกัน เพราะพฤติการณ์ไม่เหมือนกัน และเกิดขึ้นคนละช่วงเวลา จึงต้องใช้เวลาในการพิจารณารวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนเรื่องการออกหมายเรียกนายยศรินทร์ อายุ 55 ปี ผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ ยืนยันว่าจะพยายามติดตามตัวมาให้ปากคำให้ได้

ขณะที่นางศรันยา หวังสุขเจริญ หรือ ทนายนิด้า ทนายความที่พาผู้เสียหายไปแจ้งความ เปิดเผยว่า จะเรียบเรียงข้อมูลผู้เสียหายรายอื่นๆ และหาทางออกให้กับผู้เสียหายที่ต้องการแจ้งความ แต่กังวลว่าจะกระทบกับความรู้สึกของคนในครอบครัวอีกครั้ง ก่อนพิจารณาว่าจะพาผู้เสียหายกลุ่มใหม่ไปแจ้งความเพิ่มหรือไม่ ส่วนพยานหลักฐานที่ใช้เอาผิด ยืนยันว่ามีหลักฐานที่มัดแน่นการกระทำผิดผู้ก่อเหตุได้ และได้มอบบางส่วนให้ตำรวจรับไปพิจารณาแล้ว

ส่วนบางเหตุการณ์เกิดขึ้นนานแล้วและใกล้หมดอายุความ เห็นว่าตามกฎหมายระบุว่าหากเป็นคดีที่ผู้กระทำผิดเป็นผู้ดูแลผู้ที่อยู่ในความปกครอง โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน คดีจะมีอายุความถึง 15-20 ปี ไม่ใช่ต้องแจ้งความร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน เหมือนกับคดีล่วงละเมิดทางเพศบุคคลทั่วไป โดยสัปดาห์หน้าจะพาผู้เสียหายที่เหลือไปแจ้งความเพิ่มเติม