อธิบดีกรมสรรพสามิต เซ็นคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ 5 นาย จากสรรพสามิตเขต 5 มาปฎิบัติงานที่สำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 10 พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง หลังถูกร้องเรียนว่าสั่งน้ำส้ม 500 ขวด และปรับเงินผู้ค้า 12,000 บาท เป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องหรือไม่ ขณะที่อัยการระบุว่าการล่อซื้อ หากได้หลักฐานมาโดยมิชอบ เจ้าหน้าที่จะกลายเป็นผู้กระทำผิดเอง

เจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต เข้าจับกุมผู้ขายน้ำส้ม จำนวน 500 ขวด และมีการเรียกค่าปรับเป็นเงินจำนวน 12,000 บาท จากผู้ค้า โดยก่อนหน้านี้โฆษก กรมสรรพสามิต ได้ออกมาชี้แจงว่า ผู้ค้ารายดังกล่าว ผลิตเครื่องดื่มที่ไม่ได้มาตรฐาน และยังไม่ได้เสียภาษีสรรพสามิต เจ้าหน้าที่ จึงได้ให้คำแนะนำ เพื่อให้เข้ามาอยู่ในระบบ และเสียภาษีสรรพสามิตอย่างถูกต้อง โดยไม่ได้เรียกเงินค่าปรับ จำนวน 12,000 บาท

ล่าสุดวันนี้ (17 มิ.ย.) นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต ได้เซ็นคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ จำนวน 5 นาย จากสรรพสามิตเขต 5 มาปฎิบัติงานที่สำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 10 พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบข้อจริงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว โดยจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ส่วนแม่ค้าน้ำส้มนว่ามีการจ่ายเงินค่าปรับจริง แต่ไม่มีหลักฐาน โดยพนักงานเป็นผู้จ่ายเงินให้กับบุคคลที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่

ขณะที่ นายน้ำแท้ มีบุญสล้าง อัยการจังหวัด สำนักงานอัยการคดีศาลแขวง จังหวัดสุพรรณบุรี ให้ข้อมูลว่า การที่เจ้าหน้าที่ไปล่อซื้อสินค้า ถ้าหากผู้ค้านั้นได้เลิกผลิตสินค้าไปแล้วหรือไม่ได้ผลิตประจำ แต่เจ้าหน้าที่ไปว่าจ้างผลิต โดยผู้ค้าไม่ได้มีเครื่องจักร ที่ต้องขออนุญาตจากกรมสรรพสามิต ก็ถือว่าเจ้าหน้าที่สร้างหลักฐานทำให้เกิดกับดัก เป็นการได้พยานหลักฐานมาโดยไม่ชอบ เจ้าหน้าที่ผู้ล่อซื้อจะมีความผิด ในการสร้างหลักฐาน และผู้ค้าไม่ควรจ่ายเงิน

โดยอัยการยยังระบุว่า รัฐไม่มีนโยบายให้เจ้าหน้าที่ไปล่อซื้อสินค้าเพื่อให้เกิดการกระทำผิด ยกเว้นเป็นกรณีการล่อซื้อยาเสพติด ซึ่งเป็นสิ่งผิดกฎหมาย