สังคม
ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด อดีตผกก.สภ.ทุ่งสง สั่งตำรวจเฉลี่ยเบี้ยเลี้ยง งบโควิด-19 ใครไม่ทำตาม ถูกสั่งย้าย คณะกรรมการเผยมีมูลผิดวินัยร้ายแรง
โดย JitrarutP
14 มิ.ย. 2564
212 views
นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติมอบหมายคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น เพื่อดำเนินการ
ไต่สวนเบื้องต้นกับพันตำรวจเอก สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรทุ่งสง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยปรากฏข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2563 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดสรรเงินค่าตอบแทน (ค่าเบี้ยเลี้ยงงบโควิด-19) ให้สถานีตำรวจภูธรทุ่งสง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อเบิกจ่ายค่าตอบแทนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติงานนอกที่ตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงได้ตามที่ตกลงในอัตราคนละ 60 บาทต่อชั่วโมง โดยเบิกจ่ายเท่ากับที่ปฏิบัติงานจริง แต่ไม่เกิน 7 ชั่วโมงต่อวัน ทั้งในวันราชการและวันหยุดราชการ และงดเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทาง
ไปราชการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (COVID – 19) จะยุติลง ต่อมาสถานีตำรวจภูธรทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีการประชุมประจำเดือนกันยายน 2563 ในวันอังคารที่ 29 กันยายน 2563 ณ สถานีตำรวจภูธรทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีพันตำรวจเอก สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล เป็นประธานที่ประชุมโดยมีข้าราชการตำรวจเข้าประชุมประมาณ 200 นาย
ซึ่งในที่ประชุมได้ชี้แจงเกี่ยวกับการได้รับการจัดสรรงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงของตำรวจ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยพันตำรวจเอก สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ได้ชี้แจงรายละเอียดงบประมาณและวิธีการเบิกจ่ายให้ในที่ประชุมทราบ โดยในส่วนของจำนวนเงินค่าตอบแทน (ค่าเบี้ยเลี้ยงงบโควิด-19) นั้น พันตำรวจเอก สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ได้สั่งการให้ข้าราชการตำรวจทุกนายของสถานีตำรวจภูธรทุ่งสง มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนรายละ 15,000 บาท
โดยให้ข้าราชการตำรวจที่ได้รับเงินเกินจาก 15,000 บาท นำไปบริจาคให้กับสถานีตำรวจภูธรทุ่งสง เพื่อนำไปจัดสรรให้กับข้าราชการตำรวจที่ได้รับการจัดสรรน้อยกว่า 15,000 บาท เพื่อความเท่าเทียมกันและเพื่อความสามัคคีในสถานีตำรวจภูธรทุ่งสง ส่วนเงินที่เหลือจากการปันส่วน ให้เก็บไว้เป็นกองกลางเป็นเงินบริหารของสถานีตำรวจภูธรทุ่งสงใช้สำหรับจัดหาอุปกรณ์ในการปฏิบัติงาน จัดงานตำรวจ จัดงานสังสรรค์ภายในสถานีตำรวจภูธรทุ่งสง เงินรางวัลผู้ปฏิบัติงานและอื่นๆ โดยให้เจ้าหน้าที่การเงินสถานีตำรวจภูธรทุ่งสงมีหน้าที่ในการเก็บรวบรวมเงินดังกล่าว
ทั้งที่พันตำรวจเอก สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ก็ทราบดีอยู่แล้วว่าเงินค่าตอบแทน (ค่าเบี้ยเลี้ยงงบโควิด-19) ดังกล่าว เป็นการจ่ายค่าตอบแทนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติงานนอกที่ตั้งศูนย์ปฏิบัติการ ซึ่งในขณะนั้นมีข้าราชการตำรวจหลายรายไม่เห็นด้วย แต่ไม่มีใครโต้แย้งหรือคัดค้าน และปรากฏข้อเท็จจริงต่อมาว่าสถานีตำรวจภูธรทุ่งสง ได้เรียกเก็บเงินค่าตอบแทน (ค่าเบี้ยเลี้ยงงบโควิด-19) จากข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติงานนอกที่ตั้งศูนย์ปฏิบัติการ และได้มีการนำไปจัดสรรให้กับข้าราชการตำรวจที่ได้รับจัดสรรน้อยกว่า 15,000 บาท และข้าราชการ
ตำรวจที่ไม่มีสิทธิจะได้รับ เพื่อให้ถึงจำนวน 15,000 บาท โดยหากมีข้าราชการตำรวจรายใดไม่เห็นด้วยและไม่ยอม นำเงินค่าตอบแทน (ค่าเบี้ยเลี้ยงงบโควิด-19) มาคืนให้กับสถานีตำรวจภูธรทุ่งสง พันตำรวจเอก สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ก็จะออกคำสั่งย้ายปรับเปลี่ยนหน้าที่ข้าราชการตำรวจรายนั้น เพื่อไม่ให้ข้าราชการตำรวจรายอื่นถือเป็นตัวอย่าง
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนแล้วเห็นว่า การกระทำของพันตำรวจเอก สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง เห็นควรส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญา ในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ตามมาตรา 91 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ต่อไป
แท็กที่เกี่ยวข้อง โควิด19 ,ตำรวจ ,งบเบี้ยเลี้ยง