รัฐบาลเตรียมปูพรมฉีดวัคซีนโควิด เริ่ม 7 มิ.ย.นี้ - วัคซีน 'แอสตราเซเนกา' ป้องกันสายพันธุ์อินเดียได้

สังคม

รัฐบาลเตรียมปูพรมฉีดวัคซีนโควิด เริ่ม 7 มิ.ย.นี้ - วัคซีน 'แอสตราเซเนกา' ป้องกันสายพันธุ์อินเดียได้

โดย weerawit_c

22 พ.ค. 2564

231 views

สถานการณ์โควิดในประเทศไทย วันที่ 21 พ.ค. พบผู้ติดเชื้อรายวัน 3,481 คน เสียชีวิต 32 คน ศบค.ได้ชี้แจงถึงแผนการปูพรมฉีดวัคซีน เพื่อความเข้าใจของประชาชนอีกครั้ง ก่อนเริ่มในวันที่ 7 มิถุนายนนี้ พร้อมขยายเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปอีก 2 เดือน


จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,481 คน มาจากเรือนจำ 951 คน ผู้ติดเชื้อสะสม 123,066 คน รักษาตัวอยู่ 42,827 คน อาการหนัก 1,248 คน ใส่ท่อช่วยหายใจ 408 คน เสียชีวิตเพิ่ม 32 คน รวมเสียชีวิต 735 คน


สำหรับ กทม.ยังพบผู้ติดเชื้อเป็นอันดับ 1 จำนวน 1,036 คน ที่น่าสนใจคือ ที่จังหวัดสมุทรปราการ ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นมาเป็น 457 คน จากเมื่อวันก่อน มีผู้ติดเชื้อเพียง 67 คน และช่วงก่อนหน้าที่อยู่ในระดับร้อยกว่าเท่านั้น


ความคืบหน้ากรณี ศบค.ยืนยันพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย B.1.617.2 ในแคมป์คนงานก่อสร้างอิตาเลียนไทยย่านหลักสี่ จำนวน 15 คน เบื้องต้นส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแล้ว ต่อมา นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยันพบสายพันธุ์อินเดียรวมแล้ว 36 คน จากการตรวจเชื้อ 80 ตัวอย่าง ซึ่งมีทั้งแรงงานไทย เมียนมา และกัมพูชา


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ยืนยัน ไทยจะเริ่มแผนฉีดวัคซีนปูพรมทั่วประเทศในวันที่ 7 มิถุนายน นี้ โดยมี 3 ช่องทางในการกระจายวัคซีน คือ ผ่านระบบหมอพร้อม และ การลงทะเบียน ณ จุดบริการ on site registration เป็นช่องทางเสริม ซึ่งจะเหมือนการจองร้านอาหาร ถ้าไม่ได้จองไว้ก่อนก็ต้องไปรอคิวหน้าร้าน และอีกช่องทางคือ การกระจายวัคซีนให้กลุ่มเฉพาะ เช่นแพทย์พยาบาล อสม. เจ้าหน้าที่ด่านหน้า ครู นักธุรกิจนักศึกษา


โดยเดือนมิถุนายน จะระดมฉีดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือ พื้นที่สีแดงเข้ม 4 จังหวัด คือ กทม. สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี และ มี จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีแผนเปิดการท่องเที่ยวอีกจังหวัด รวมเป็น 5 จังหวัด จากนั้น ในเดือนกรกฎาคม จะระดมฉีดในพื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือ พื้นที่ สีแดง 17 จังหวัด ต่อด้วยพื้นที่ควบคุม หรือ พื้นที่สีส้ม 55 จังหวัด


นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยว่า การกระจายตัวของเชื้อสายพันธุ์อินเดีย รวมถึงความรุนแรงของเชื้อนั้น ไม่แตกต่างจากเชื้อสายพันธุ์อังกฤษ ที่ไทยเองกำลังเผชิญอยู่ และวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า วัคซีนหลักของไทยก็สามารถควบคุมได้ดี


โดย นพ.โอภาส บอกว่า เป็นข้อมูลจากหน่วยงานควบคุมโรคของอังกฤษ ที่ในอังกฤษเองพบการระบาดของสายพันธุ์อินเดียค่อนข้างมาก ส่วนวัคซีนซิโนแวคแม้ยังไม่มีรายงานยืนยัน แต่ก็ยืนยันว่ามีประสิทธิภาพในการควบคุม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานยืนยันว่า สายพันธุ์อินเดียจะดื้อต่อวัคซีนที่ไทยมีอยู่ และยังคงใช้ยาฟาราพิราเวียรักษาได้


ส่วนด้าน ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยว่า เมื่อถามถึงความรุนแรงของสายพันธุ์อินเดียและวัคซีนที่ไทยใช้อยู่ทั้ง 2 ตัวได้แก่ ซิโนแวค กับ แอสตราเซเนกา จะสามารถป้องกันได้หรือไม่นั้น ศ.นพ.ยง กล่าวว่า สายพันธุ์อินเดียระบาดที่ประเทศอังกฤษก่อนประเทศไทย ขณะนี้อังกฤษก็กลัวมากว่า สายพันธุ์อินเดียจะแพร่ระบาดได้เร็วกว่าสายพันธุ์อังกฤษ แต่เมื่อศึกษาในรายละเอียดแล้ว พบว่า สายพันธุ์อินเดียไม่ได้รุนแรงไปกว่าสายพันธุ์อังกฤษ แต่ระบาดได้เร็วกว่า ส่วนประสิทธิภาพของวัคซีนนั้น นายบอรีส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ก็แถลงข่าวยืนยันว่า วัคซีนที่อังกฤษใช้คือ แอสตราเซเนกา สามารถป้องกันสายพันธุ์อินเดียได้

คุณอาจสนใจ