มีกรณีหญิงมาบริจาคเลือด ที่โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม แต่หลังจากนั้นในวันที่ 17 พฤษภาคม พบติดเชื้อโควิด ทำให้สังคมตั้งข้อสงสัยว่า ติดเชื้อจากการบริจาคเลือดหรือไม่

จากการตรวจสอบไทม์ไลน์ พบว่า บริจาคเลือดก่อนพบเชื้อนานถึง 16 วัน และไทม์ไลน์หลังจากบริจาคในวันที่ 1 พฤษภาคม มีไปตามสถานที่ต่าง ๆ อีกหลายแห่ง โดยในวันที่ 3 พฤษภาคม ช่วงหัวค่ำ ขี่มอเตอร์ไซค์ไปโลตัสกับน้องและหลาน ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง มีการถอดหน้ากากระหว่างนั่งกินไก่ทอดร้านดัง

วันที่ 4 พฤษภาคม ไปตลาดสดซื้อของประมาณ 30 นาที ต่อมาวันที่ 7 พฤษภาคม ระหว่างทำงานลากลับบ้านครึ่งวัน เพราะปวดศีรษะ จากนั้นอยู่บ้านตลอด โดยวันที่ 9 พฤษภาคม ปวดศีรษะ และเริ่มมีไอแห้ง คิดว่าตัวเองเป็นไข้หวัดใหญ่ วันที่ 12 พฤษภาคม ไปพบแพทย์ที่คลินิก

กระทั่งวันที่ 16 พฤษภาคม มีอาการเหนื่อย ไม่มีแรง แม่พาไปคลินิกอีกแห่ง หมอส่งตรวจฉุกเฉินที่โรงพยาบาลประจวบฯ ได้ตรวจโควิด ก่อนพบติดเชื้อในวันที่ 17 พฤษภาคม ทั้งนี้จึงไม่ฟันธงว่า ติดเชื้อจากการบริจาคเลือดหรือไม่ พร้อมยืนยันขั้นตอนการรับบริจาคเลือดของโรงพยาบาล มีการคัดกรองผู้มาบริจาคอย่างเข้มงวด ตามมาตรฐานของสภากาชาดไทย มีการซักประวัติพฤติกรรมเสี่ยง การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิดในช่วง 14 วัน หากพบว่าเป็นผู้ที่มีความเสี่ยง ก็จะงดรับบริจาคโลหิต

สำหรับเจ้าหน้าที่งานคลังเลือด มีการสวมชุดป้องกันการติดเชื้ออย่างรัดกุม มีฉากกั้น ทำให้มั่นใจได้ในความปลอดภัย ส่วนเลือดของผู้ป่วยรายดังกล่าว แม้จะมีการนำไปใช้แล้ว แต่ปัจจุบันยังไม่เคยมีรายงานผู้ป่วยโควิดรายใด ที่ติดเชื้อมาจากการใช้โลหิตสำรองในการรักษาแม้แต่รายเดียว.

ศ.น.พ.ยง ภู่วรวรรณหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยืนยันว่า หญิงที่บริจาคเลือดแล้ว 16 วัน และพบว่าติดเชื้อโควิดนั้น ผู้ที่ได้รับบริจาคเลือดต่อไม่มีปัญหา โอกาสติดเชื้อโควิดนั้นน้อยมาก เพราะระยะฟักตัวของเชื้อ 14 วัน อีกทั้งโอกาสที่จะพบเชื้อโควิดในกระแสเลือดนั้นต่ำน้อยมาก ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาต่อการนำเลือดไปส่งต่อช่วยเหลือผู้ป่วย

สามารถดูข่าวทาง Youtube ได้ที่ : https://youtu.be/8DCvV65xeRA