ผู้ว่าฯ รับผู้ต้องขังในเรือนจำเชียงใหม่ติดโควิดเกือบ 4 พันจริง ยันคุมได้ 'สมศักดิ์' ออก 10 มาตรการสกัดการระบาด

สังคม

ผู้ว่าฯ รับผู้ต้องขังในเรือนจำเชียงใหม่ติดโควิดเกือบ 4 พันจริง ยันคุมได้ 'สมศักดิ์' ออก 10 มาตรการสกัดการระบาด

โดย panwilai_c

17 พ.ค. 2564

35 views

จากกรณีคลัสเตอร์โควิด-19 ใหญ่ในเรือนจำ เมื่อเช้านี้ (17 พ.ค. 64) ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ แถลงยอมรับมีผู้ต้องขังในเรือนติดเชื้อโควิด-19 ร่วมเกือบ 4 พันคนจริง ยันรับมือได้ รักษาหายแล้วกว่า 1,00 คน


นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยพลตรีถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 ,และเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมแถลงข่าวกรณีที่พบผู้ต้องขังเรือนจำกลางเชียงใหม่ ติดเชื้อโควิดเกือบ 4 พันคน จากจำนวนทั้งหมด 6,469 คน ซึ่งเป็นตัวเลขสะสมสรุปล่าสุดของ สสจ.วันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา


โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากญาติที่มาเยี่ยมผู้ต้องขังในแดนแรกรับตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากเริ่มรู้ว่ามีผู้ต้องขังติดเชื้อ ได้ใช้มาตรการ Bubble and Seal กักตัวผู้ติดเชื้อในเรือนจำมาใช้ เป็นระยะเวลา 28 วัน เพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาด พร้อมกับระดมบุคลากรทางการแพทย์มาช่วยเต็มกำลัง มาแล้วกว่า 1 เดือน จนสามารถรักษาหายแล้วกว่า 1,000 คน จากผู้ติดเชื้อเกือบ 4,000 คน ส่วนผู้ที่ยังรักษาตัว แยกเป็น ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ (สีเขียว) กว่า 1,000 คน ผู้ป่วยอาการปานกลาง (สีเหลือง) 4 คน และอาการค่อนข้างหนัก (สีส้ม) 2 คน


ด้านนายสุรศักดิ์ เผื่อนคำ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่ ยืนยันว่า ขณะนี้ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ต้องขอโทษทุกฝ่ายและถือว่าเป็นประสบการณ์สำคัญว่า จากนี้การกักตัวเพียง 14 วัน อาจไม่เพียงพอและอาจต้องทำการตรวจหาเชื้อทุกวัน พร้อมกันนี้ยืนยันว่าผู้ต้องขังที่ติดเชื้อได้รับการดูแลอย่างดี โดยให้ผู้ต้องขังที่ติดเชื้อกินฟ้าทลายโจร วิตามินซี และขิงขาว ซึ่งปรากฎว่าได้ผลดี ทำให้มีภูมิคุ้มกันด้วย


ขณะที่ สาธารณสุข จ.เชียงใหม่ นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ เผยว่า หลังจากใช้มาตรการ Bubble and Seal กักตัวผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยงเป็นเวลา 28 วัน และจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางเชียงใหม่ สามารถดูแลรักษาผู้ติดเชื้อได้เป็นอย่างดี ซึ่งตามแผนจะสามารถส่งมอบคืนพื้นที่ให้เรือนจำกลางเชียงใหม่ได้ในวันที่ 28 พ.ค.64 นี้


ด้าน ศบค.เปิดตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดในเรือนจำ 8 แห่งทั่วประเทศล่าสุด มีมากกว่า 1 หมื่นคน ซึ่งจะยังไม่จบแค่นี้เพราะบางส่วนยังรอผลตรวจ และ บางเรือนจำยังตรวจไม่ครบ 100 เปอร์เซ็นต์


โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อในเรือนจำและที่ต้องขัง 8 แห่ง ล่าสุดมีมากถึง 10,748 คน จากการตรวจผู้ต้องขัง 24,357 คน คิดเป็น 49 เปอร์เซ็นต์ ในจำนวนนี้ยังรอผลตรวจอีก 2,235 คน


เรือนจำที่พบผู้ต้องขังติดเชื้อโควิดในอัตรส่วนสูงที่สุด คือ เรือนจำเชียงใหม่ 6,469 คน ติดเชื้อ 3,929 คน คิดเป็น 61 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาคือเรือนจำและที่ต้องขังในกรุงเทพฯ ซึ่งมีทั้งหมด 5 แห่ง ตรวจไปแล้ว 14,429 คน มีผู้ติดเชื้อแล้ว 6,749 คน คิดเป็น 47 เปอร์เซ็นต์


อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลว่าในจำนวน 8 เรือนจำนี้ มี 3 แห่งที่ยังตรวจผู้ต้องขังไม่ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ คือ เรือนจำคลองเปรม เพิ่งตรวจไปได้ประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์, สถานบำบัดพิเศษกลาง ก็ยังตรวจไม่ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ และอีกที่ คือ เรือนจำ จ.ฉะเชิงเทรา เพิ่งตรวจไปได้ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ฉะนั้นตัวเลขจะเพิ่มจากนี้แน่นอน


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ออก 10 มาตรการเชิงรุก เพื่อแก้ปัญหานักโทษติดโควิด-19 ขณะที่รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์บอกเป็นภาวะจำนน เพราะเรือนจำแออัด ไม่สามารถแยกผู้ต้องขังได้


สำหรับสถานการณ์ผู้ติดชื้อในเรือนจำที่พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง นาย อายุตน์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยอมรับว่าตอนนี้พบผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด 19 แล้ว 15 แห่งจากทั้งหมด 143 แห่งทั่วประเทศ และที่พบตัวเลขผู้ติดเชื้อจำนวนมาก เพราะการตรวจเชื้อเชิงรุกแบบ 100 เปอร์เซ็นต์


ขณะที่ นายแพทย์ วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่า 1 ใน สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ต้องขังติดเชื้อจำนวนมากในเรือนจำ เพราะทุกวันจะมีผู้ต้องขังเข้ามาใหม่ และผู้ต้องขังบางคนถูกเบิกตัวไปขึ้นศาล แม้ระยะหลังจะแก้ไขด้วยการไต่สวนผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์ หรือเลื่อนการไต่สวนไปก่อน แต่ด้วยสภาพความเป็นอยู่ที่แออัด ไม่สามารถแยกกักตัวผู้ต้องขังได้ เพราะไม่มีบ้านพัก อพาร์ทเมนท์ หรือ ฮอสพิเทล รวมถึงเรื่องการใส่หน้ากาก แม้จะให้ใส่ 24 ชม. แต่ในความเป็นจริงก็ไม่สามารถทำได้ พร้อมยืนยันว่าดูแลผู้ต้องขังเป็นอย่างดี และยังไม่มีผู้ต้องขังเสียชีวิตจากโรคโควิด19 ด้วย


และเมื่อช่วงบ่ายโมงที่ผ่านมา นาย สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลง 10 มาตรการเชิงรุกให้เรือนจำทั่วประเทศปฎิบัติอย่างเร่งด่วน หลังพบผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือ

1. กรมราชทัณฑ์ต้องแถลงความจริงทั้งหมด

2. ต้องตรวจเชิงรุกทุกเรือนจำ ทั้งผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ทุกคน

3. ต้องแจ้งผลการสืบสวนโรค และสาเหตุที่ติดเชื้อให้ชัดเจน

4. ต้องมีเจ้าหน้าที่เฝ้าดูอาการผู้ต้องขังที่ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง

5. ประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุข ใช้ยา "ฟาวิพิลาเวียร์" และสมุนไพร ฟ้าทลายโจร ให้ผู้ต้องขังที่ติดเชื้อในระดับสีเขียว และสีเหลือง

6. เร่งแก้ปัญหาความแออัดของเรือนจำ

7. เร่งฉีดวัคซีนให้กับนักโทษ และผู้คุม ที่ไม่ติดเชื้อ

8. เรือนจำทุกแห่งต้องติดประกาศจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ และผู้ที่รักษาหายแล้วทุกวัน

9. ผู้บัญชาการเรือนจำต้องทำรายชื่อผู้ติดเชื้อ เพื่อให้ญาติตรวจสอบได้ทุกวัน

10. กระทรวงยุติธรรม เร่งพิจารณาหาบุคลากรในตำแหน่งที่ขาดหาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน


ซึ่ง 1 ในมาตรการที่จะลดความแออัดในเรือนจำ คือ การพักโทษในรูปแบบพิเศษให้กับผู้ถูกคุมขังที่มีอัตราโทษเหลือน้อย โดยจะใช้วิธีการใส่กำไลอีเอ็ม และหากประมวลกฎหมายยาเสพติด ผ่านในขั้นตอนของรัฐสภา เพื่อปรับโทษใหม่ จะลดปริมาณของผู้ต้องขังในคดียาเสพติดได้อีก


ส่วนภาพความแออัดในเรือนจำแห่งหนึ่งที่ที่สื่อมวลชนประเทศเกาหลีใต้ รายงานว่า เป็นสาเหตุให้ผู้ต้องขังติดเชื้ออย่างรวดเร็ว อธิบดีกรมราชทัณฑ์ บอกว่า เป็นภาพเก่าในอดีต ปัจจุบันได้เบาบางลงแล้ว



สามารถดูข่าวทาง Youtube ได้ที่ : https://youtu.be/31hpshzYjG4

คุณอาจสนใจ

Related News