จากกรณีอดีตพระธรรมกร ฐานธัมโมหรือนายธรรมกร วังปรีชา อดีตเจ้าสำนักสงฆ์ภูหินกอง บ้านนาแค ต.ลำภู อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ฆ่าตัวตายโดยการก้มให้ใบมีดตัดคอตัวเองเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาตามความเชื่อของตนเมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2564 ที่ผ่านมา

ล่าสุด เจ้าหน้าที่กู้ภัยชุดแรกที่เข้าไปถึงที่เกิดเหตุ ได้เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 เม.ย. ได้รับแจ้งเหตุ ในช่วงเวลาประมาณ 10 โมงเช้า แต่เมื่อไปถึงกลับไม่พบร่างของพระตามที่ได้รับแจ้ง พบเพียงโลงศพวางอยู่ และมีลูกศิษย์สวมชุดขาวห่มขาว ซึ่งรอบๆ โลงศพ มีการประดับตกแต่งดอกไม้สวยงาม และจากที่สังเกต ท่าทีของลูกศิษย์ก็ไม่ได้อยู่ในอาการเสียใจ ลักษณะของโลงศพ ค่อนข้างแตกต่างไปจากโลงศพปกติ เพราะเป็นโลงศพ 2 โลงวางซ้อนกัน

เมื่อทางกู้ภัยขอตรวจสอบ ลูกศิษย์ไม่ยอมให้ตรวจสอบ เนื่องจากอ้างว่าไม่ติดใจในสาเหตุการตาย ท่านเตรียมตัวมาแล้ว และลูกศิษย์ยังได้โชว์ภาพขณะที่เผาร่าง เหมือนกับมีเงาพระยืนอยู่ รวมถึงภาพก้อนเมฆบนท้องฟ้าในวันเผา ที่มีลักษณะคล้ายกับพระสงฆ์ พร้อมกับบอกว่า อดีตพระธรรมกร ได้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์แล้ว

กู้ภัยยังได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ช่วงที่ได้รับแจ้งเหตุทราบว่าผ่านไปแล้วกว่า 5 ชั่วโมง ตอนนั้นที่สังเกตไม่ได้มีเครื่องกิโยตินวางอยู่ เมื่อไปถึงเจอแค่กองเลือดอยู่ที่พื้น ยังไม่ได้มีการเช็ดล้างทำความสะอาด แต่มีการเอาอิฐบล็อกและดอกไม้มาวางเป็นรูปวงกลมล้อมรอบกองเลือด เมื่อได้พูดคุยกับลูกศิษย์ก็ได้ทราบว่าทุกอย่างมีการเตรียมการไว้แล้ว ตั้งแต่ดอกไม้ โลงศพที่มีการจัดทำเป็นพิเศษ สำหรับแยกร่าง และศีรษะออกจากกัน

หลังจากที่กู้ภัยไปถึง ก็ใช้เวลาอยู่ตรงนี้ได้ไม่นานก็ต้องออกจากพื้นที่ เพราะลูกศิษย์เผยว่าจะอนุญาตให้คนที่อยู่ในพื้นที่ต้องเป็นคนที่นุ่งขาวห่มขาวเท่านั้น ทางกู้ภัยยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นับเป็นเรื่องที่แปลกเพราะมีเหตุ มีคนตาย แต่เมื่อไปถึงกลับมีคนบอกว่าไม่ติดใจในสาเหตุการตาย และประกอบพิธีอย่างรวดเร็

ด้านพระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโน เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวที่เกิดขึ้นว่า คำว่าตัดหัวถวายเป็นบารมีถ้าตัดกิเลสตัดทุกข์ ไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัส และเป็นคนละทางกับพระพุทธเจ้า ส่วนเรื่องฆ่าตัวตายไม่ใช่มีในยุคนี้ยุคก่อนๆก็มี พุทธเจ้าสอนให้ละสังขาร ละความยึดมั่นในสังขาร การตัดคอ ตัดกิเลสตัดทุกข์คือคนละเรื่องกัน อย่าเอามาปนกันถ้าปนกันถ้าเอามาปนกันแล้วถือว่าเป็นอีกลัทธิหนึ่ง

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ทุกข์มีเพราะมีชีวิต ชีวิตมีเพราะมีเรา เรามีก็ไปยึดมั่นถือมั่น เพราะฉะนั้นจะดับความทุกข์ต้องดับความยึดมั่นถือมั่นในตัวเรา ไม่ใช่ไปดับชีวิต เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จึงนำไปเกิดความเข้าใจผิดกัน และพระในสมัยนี้อยู่กับพระอุปัชฌาย์ไม่เกิน 5 ปี 10 ปี และแยกตัวไปเปิดสำนักขาดพระอุปัชฌาย์ดูแล ขาดกัลยาณมิตรในการตักเตือนแยกตัวไปอยู่คนเดียวเกิดความคิดเป็นของตัวเองและนำคำสอนไปสอนแบบผิดๆ มีคนเชื่อฟัง

อย่างไรก็ตามเป็นความเชื่อที่ผิด และพระพุทธเจ้าไม่มีทางรับหัวคน ถ้ามีใครตัดคอลูกเมียมาถวาย พระพยอมก็รับไม่ได้และไม่รับเด็ดขาด อยากจะฝากถึง สำนักพุทธ มส องค์การศาสนา ให้ช่วยตรวจตราสำนักเหล่านี้ต่อไป ยืนยันการตัดหัวถวายนี่ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าแน่นอน

ขณะที่ แพทย์หญิง พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมสุขภาพจิต ระบุว่า รูปแบบพิธีกรรมที่เกิดขึ้นถือเป็นความเชื่อของตัวบุคคล เป็นความเชื่อที่มีอยู่ในกลุ่มเฉพาะ ไม่สอดคล้องในหลักพุทธศาสนา เนื่องจากพระพุทธเจ้าไม่เคยต้องการลาภสักกาละ หรือสิ่งของเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และไม่สอดคล้องกับหลักทางสังคมด้วย ดังนั้นต้องระมัดระวัง

สามารถดูข่าวทาง Youtube ได้ที่ : https://youtu.be/UpNzzlRqBM4