จากกรณีที่ ตำรวจปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส.บุกทลายเครือข่ายยาเสพติด กุ๊ก ระยอง ยึดทรัพย์ พร้อมแมวสายพันธุ์ต่างประเทศที่มีราคาสูงจำนวน 6 ตัว มูลค่ากว่า 5 แสนบาท โดยฝากให้ผู้นำชุมชนดูแลระหว่างที่ยึดทรัพย์นี้ เจ้าหน้าที่ก็ต้องย้ายแมวออกจากบ้านที่เกิดเหตุ มาที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน

แต่บ้านผู้ใหญ่บ้านก็ไม่เอื้ออำนวยกับการเลี้ยงแมว 6 ตัว จึงไปฝากไว้กับเพื่อนบ้านที่ชื่นชอบและรักแมว และพบว่า แมวทั้ง 6 ตัว ได้แก่ จัสติน / โซโล / ซาวี่ / ซาโบ้ / ลูฟี่ และโชค มีอาการซึมเศร้า บางตัวไม่กินข้าวและร้องหาเจ้าของ

เมื่อวานนี้ เฟซบุ๊กของคุณเพลง บุตรสาวของภรรยานายกุ๊ก ระยอง ได้โพสต์เฟซบุ๊กขอความเป็นธรรมกับการอายัดแมวทั้ง 6 ตัว โดยยืนยันว่าเงินที่ใช้ซื้อแมว ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และตอนนี้รู้สึกคิดถึงแมวเป็นอย่างมาก 

ซึ่งแมวทั้ง 6ตัว เป็นแมวสายพันธ์ต่างประเทศ พันธุ์ เบงกอล 1 ตัวและสกอตติชโฟลด์ 5 ตัว รวมราคาแล้ว 6 ตัวนี้ สูงกว่า 5 แสนบาท เพราะเป็นแมวสายพันธุ์ชั้นดี มีใบเพ็ดดีกรี ทุกตัว หลังจากแชร์โพสต์นี้ออกไป ทำให้สังคมเกิดความสังสัย และทาสแมวก็เกิดความสงสารว่า การที่ยึดของกลางที่เป็นวัตว์เลี้ยงแบบนี้ จะทำอย่างไรและวิธีการดูแลและขายทอดตลาดเป็นอย่างไร

ทีมข่าวสอบถาม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการป.ป.ส. ชี้แจงว่า การอายัดแมวนี้ ก็ต้องถือว่าเป็นของกลาง เพราะเป็นทรัพย์สินส่วนหนึ่งของบ้านหลังนี้ โดยยังไม่ได้มีการขายทอดตลาดใดๆ ทั้งสิ้น ยังอยู่ระหว่างที่ตรวจสอบ โดยเมื่อวานนี้ ก่อนการตรวจยึด ก็ให้เจ้าของมาแสดงตัวแสดงเอกสารการครอบครองแมวทั้งหมด จึงประสานผู้นำชุมชนให้ดูแลไว้ และมีทีมสัตว์แพทย์จังหวัดระยองเข้าไปตรวจร่างกายดูแลและประเมินสภาพของแมวทั้ง 6 ตัว แข็งแรงและมีสภาพจิตใจที่ดี ปลอดภัย โดยทางเจ้าของก็เซ็นเอกสารยินยอมให้ผู้นำชุมชนนำไปดูแลและบ้านที่นำไปฝากไว้ ก็เป็นคนรู้จักกับเจ้าของแมว

ซึ่งทาง ป.ป.ส.พร้อมให้ความเป็นธรรม หากเจ้าของสามารถนำหลักฐานมาชี้แจงได้ว่า แมวที่ซื้อมาเลี้ยงไม่ได้เกี่ยวข้องกับเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติด เจ้าหน้าที่ก็คืนแมวให้ แต่หากตรวจสอบไม่ได้ ก็มีอีกวิธี ระหว่างที่รอการพิสูจน์นี้ ทางเจ้าของก็สามารถมายื่นเรื่องวางประกันทรัพย์สินก่อน เพื่อนำแมวไปดูแลได้ ซึ่งแมวนี้ก็ถือเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่ง

แต่หากพิสูจน์ไม่ได้ ไม่มีเงินมาวางประกัน เจ้าหน้าที่ก็จะดูแลและเข้าสู่ขั้นตอนการขายทอดตลาด โดยที่การขายทอดตลาดนั้น กรณีแมว 6 ตัวไม่ได้ขายทีละตัว แต่ต้องขายทั้ง 6 ตัวพร้อมกัน เพราะแมวถูกเลี้ยงมาอยู่ด้วยกัน จะแยกไม่ได้ และคนที่จะมาประมูล ทางป.ป.ส. ก็จะต้องตรวจสอบก่อนว่า จะสามารถเลี้ยงแมวได้หรือไม่ มีสถานที่และการดูแลอย่างไร ไม่ใช่บุคคลใดจะมาประมูลไปได้เลย

ซึ่งต้องยอมรับว่าแมวนี้เป็นทรัพย์สินส่วนหนึ่งของบ้านหลังที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด ตามกฎหมายก็ต้องตรวจยึดไว้ ที่ผ่านมาการยึดทรัพย์ที่เป็นสัตว์เลี้ยง จะมีแต่วัว – ควาย ไม่ค่อยพบแมวและสุนัขที่มีราคา แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย

ด้าน นายโรเจอร์ โลหะนันท์ เลขาธิการสมาคมพิทักษ์สัตว์ (ไทย) ได้กล่าวว่า การเข้าตรวจยึดของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้ สร้างความหวั่นวิตก ให้กลุ่มคนรักแมวมาก เพราะมองว่าแมวเป็นของกลาง อยากขอให้ ตำรวจและเจ้าหน้าที่ป.ป.ส. คิดทบทวนใหม่ เพราะแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีจิตใจ และติดเจ้าของ แค่แยกออกจากเจ้าของก็ส่งผลกระทบแล้ว

การที่ ป.ป.ส. ระบุว่า ให้นำหลักฐานมายืนยันว่า การซื้อทั้งหมดนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเงินมาจากยาเสพติด ตามแนวทางปฏิบัติ มันจะตรวจสอบกันแยกออกได้อย่างไร เวลาไปซื้อแมวมีใครออกใบเสร็จให้บ้างมีแต่การซื้อมาขายไป และเงินนั้นจะพิสูจน์อย่างไรว่าไม่ใช่เงินจากการค้ายาเสพติด กว่าจะพิสูจน์ได้ สภาพแมวทั้ง 6 ตัวจะเป็นอย่างไร ซึ่งตนอยากขอให้เจ้าหน้าที่ พิจารณาใหม่ มองว่าสัตว์เลี้ยงไม่ใช่สินค้า ไม่ใช่ของมีราคา การที่จะนำแมวไปประมูล ไปขายทอดตลาด ก็เหมือนนำเขากลับไปเป็นสัตว์เศรษฐกิจ หารายได้จากแมว แต่หากแมวนี้เป็นแมวบ้าน ไม่มีสายพันธุ์ เจ้าหน้าที่ก็ไม่เอาไปประมูลแน่ จึงอยากให้พิจารณาส่วนนี้ด้วย

ซึ่งตนได้คุยกับเจ้าของโพสต์แล้วก็ขอความช่วยเหลือแมวของเขาทั้ง 6 ตัว ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และก็ไม่ใช่ทรัพย์สินที่นำไปฟอกเงินอีกด้วย สุดท้ายหากมีการพิสูจน์ไม่ได้ ทางสมาคมและกลุ่มรักสัตว์ ก็จะประสานไปช่วยดูแลแมวทั้ง6ตัวนี้ เพราะเป็นสัตว์มีชีวิตและจิตใจ

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/0kRjDzR4oak