นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมด้วยพ่อของเด็กหญิงวัย 18 ปี จังหวัดลพบุรี มายื่นหนังสือถึง พล.ต.ต.สยาม บุญสม ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ให้เร่งติดตามผู้กระทำความผิดอีก 1 คือ ซึ่งเป็นอดีต ส.ท.มาดำเนินคดี หลังจากที่หญิงสาวถูกรุมโทรม 13 คน ถึง 2 ครั้ง เมื่อปีที่ผ่านมา

โดยคดีนี้เด็กหญิง อายุ 18 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหาย เล่าว่าได้ถูกข่มขืน 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเดือนกันยายน จาก 4 คนและครั้งที่ 2 เดือนตุลาคม จาก 9 คน รวม 13 คน แต่มีเพียง 12 คนถูกแจ้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเราในลักษณะโทรมหญิง และดำเนินคดีเสร็จสิ้นแล้ว แต่พบว่ายังเหลืออีก 1คน ที่เป็นอดีตสมาชิกสภาเทศบาล หรือ ส.ท. อายุ 52 ปี แต่ไม่เคยถูกดำเนินคดี

ซึ่งผู้เสียหายได้แจ้งพนักงานสอบสวนสภ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรีแล้ว แต่ตำรวจกลับไม่ดำเนินคดี อ้างว่ามีพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ดังนั้นในวันนี้จึงเข้าแจ้งความ ปคม.เพื่อขอให้ช่วยคิดตามเนื่องจากกลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

โดยพ่อผู้เสียหายเปิดเผยว่า ตนเองทราบเรื่องเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จึงแจ้งตำรวจในท้องที่ดำเนินคดี กระทั่งเมื่อปลายเดือนมกราคม 64 ตำรวจได้แจ้งดำเนินคดี ผู้ต้องหา 12 คน ซึ่งไม่รวมอดีตส.ท. รายนี้ ตนเองจึงกังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเข้าร้องเรียนที่ปคม.

สำหรับ อดีต ส.ท. คนนี้ ส่วนตัวรู้จักกันเพราะอยู่บ้านใกล้เคียงกัน ยืนยันไม่ได้เป็นการกล่าวหาเพราะมีบุคคลเคยเห็นคลิปขณะลูกสาวกระทำ ส่วนอาการของลูกสาวขณะนี้ยังต้องรักษาด้วยการรับประทานยานอนหลับ และมีอาการหวาดกลัวและพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้ง

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา มีญาติของผู้ก่อเหตุเสนอเงินจำนวน 4 แสนบาท รวมถึงมีแม่ของหนึ่งผู้ก่อเหตุเสนอขอร่วมหลับนอนกับตนแลกกับการไม่ดำเนินคดีกับลูกชาย ซึ่งตนเองได้ปฏิเสธไป

ขณะที่ อดีต ส.ท.ที่ถูกกล่าวหา อ้างว่าไม่เคยรู้จักสาวคนนี้มาก่อน แต่ยอมรับว่ามีปัญหากับผู้เป็นพ่อของเหยื่อ แล้วพ่อได้สร้างเรื่องเพื่อให้ตนเสื่อมเสีย ตนจะไปสาบานทุกที่ เพราะยืนยันว่าไม่ได้ก่อเหตุ

ด้าน พ.ต.อ.อุกฤษ ภู่กลั่น ร้องผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี เผยว่า ผู้เสียหายให้การว่ามีผู้รวมก่อเหตุทั้งหมด 12 คน ซึ่งผู้เสียหายจำหน้าของผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมดจำนวน 11 คน เนื่องจากทุกคนเป็นกลุ่มเพื่อนของแฟนของผู้เสียหาย

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ทำการสอบสวนและแจ้งข้อหาและฝากขังไปยังเรือนจำจังหวัดลพบุรีทั้งหมดแล้ว ส่วนคนที่ 12 นั้นทางผู้เสียหายอ้างว่าจำหน้าผู้ก่อเหตุไม่ได้ แต่เพิ่งจะจำเสียงของผู้ก่อเหตุได้ว่าเป็นอดีต ส.ท.

ซึ่งทางรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรีได้ กล่าวว่า จากการตรวจสอบสำนวนของทางพนักงานสอบสวนแล้วพบว่าหลักฐานสามารถเอาผิดผู้ก่อเหตุทั้งหมดได้เพราะมีทั้งหลักฐานด้านนิติวิทยาศาสตร์ หลักฐานทั่วไป แต่หลังจากที่มีการออกมาพูดเรื่องอดีต ส.ท.ทางตำรวจก็จะทำหนังสือเรียกให้พ่อและผู้เสียหายมาให้ปากคำเพิ่มเติม เพื่อหาข้อมูลและหลักฐานเพื่อเอาตัวผู้กระทำผิดที่เหลือ หากมีมาลงโทษตามกฎหมายโดยไม่มีละเว้น

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/eu3IbHuxKyw