จากกรณีผู้ป่วยโควิด-19 ปกปิดไทม์ไลน์จำนวน 3 ราย ล่าสุดได้ออกมาชี้แจงแล้ว

โดยรายแรกคือ คุณกวาง อาชีพพีอาร์ในบริษัทย่านอโศก ที่ได้ออกมายืนยันว่า ตนเองให้ข้อมูลเปิดเผยไทม์ไลน์ทั้งหมดไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่เมื่อข้อมูลไปถึง กทม.กลับมีการเปลี่ยนแปลงไป

รายที่ 2 คือ คุณข้าวโอ๊ต นักร้องบอยแบนด์  ที่ได้ออกมาเปิดเผยว่าตนเองไม่ได้เดินทางไปไหนเลย ตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.เป็นต้นมา ก่อนที่ต่อมาจะกลับคำ โดยบอกว่าในวันที่ 12 ม.ค. ได้ไปร่วมงาน mv ของ เปา กิ่งกาญจน์ และหลังจาดนั้นถึงไม่ได้ไปไหนอีก จนกระทั่งตรวจพบเชื้อโควิด-19

ส่วนรายที่ 3 คือ เจ้าหน้าที่รัฐฯ ซึ่งเป็นนายตำรวจท่านหนึ่ง ที่มีการเปิดเผยไทม์ไลน์ออกมาถึง 2 ครั้ง ซึ่งไม่มีความเหมือนกันเลย สร้างความสงสัยอย่างมากว่าอันไหนคือไทม์ไลน์จริง ล่าสุดได้รับข้อมูลชี้แจงจากเจ้าตัว อ้างว่าเพื่อนของตนได้ไปร่วมงานวันเกิดดีเจมะตูม ในวันที่ 9 ม.ค. ก่อนได้เดินทางมาพบตนที่คอนโด และนั่งทานข้าวร่วมกัน ในวันที่ 16 ม.ค.

กระทั่งวันที่ 20 ม.ค. ดีเจมะตูมประกาศว่าติดโควิด-19 เพื่อนของตนจึงไปตรวจและพบว่าติดเชื้อด้วยเช่นกัน ทำให้ตนเองไม่สบายใจ ในวันที่ 21 ม.ค.จึงโทรไปหาหมอโดยบอกว่าตนเป็นผู้มีความเสี่ยง แต่จนท.ยังไม่ให้ตรวจเพราะเป็นเพียงผู้เสี่ยงต่ำ แต่ตนก็ยังไม่สบายใจ ดังนั้นในวันที่ 22 ม.ค. จึงเดินทางไปที่โรงพยาบาล และแจ้งจนท.ว่าตนเองได้ไปร่วมงานวันเกิดดีเจมะตูม เพื่อจะได้รับการตรวจเลย ทั้งที่ความจริงไม่ได้ไปร่วมงาน แต่ปรากฎผลตรวจออกมาพบว่าติดโควิด-19 

โดยข้อมูลดังกล่าว นายตำรวจได้ส่งข้อความมาหา หนุ่ม กรรชัย แบบส่วนตัว เพื่อชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า ตอนแรกผมโทรไปถามก่อนที่จะตรวจ ว่าจะต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง ตรวจแล้วผลออกเลยไหม ต้องกักตัวไหม จะได้เตรียมตัวเก็บข้าวของ พอโทรไปแล้วปรึกษากับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ว่างานของเราต้องไปเจอประชาชนเป็นพันๆคน อยากจะขอตรวจได้ไหม ทั้งนี้ ต้องบอกก่อนว่าเมื่อปีที่แล้ว ผู้การคนเก่าทำเรื่องให้ทุกคนในหน่วยได้ตรวจฟรี 

ทีนี้พอบอกว่าเราไปเจอคนเยอะ ความเสี่ยงสูง ก็น่าจะมาตรวจขได้เหมือนกับปีที่แล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าตรวจไม่ได้ เพราะประเมินว่าผมความเสี่ยงต่ำ ทั้งที่ส่วนตัวผมคิดว่าการได้เจอประช่าชนมทั่วประเทศ น่าจะมีความเสี่ยงสูง แต่ก็ไม่เป็นไร ก็เลยกลับมาตั้งหลัก ทีนี้เลยหาทางว่าจะทำยังไงถึงจะได้ตรวจ เพื่อนเลยแนะนำให้บอกไปว่าอยู่ในไทม์ไลน์ของมะตูม ซึ่งมีไทม์ไลน์คาบเกี่ยวจริงๆ คือมีเพื่อนคนนึงไปงานมา และมาเยี่ยมผมที่คอนโด วันที่ 16 ก็เลยคิดว่าเดี๋ยวจะไปตรวจ

ทีนี้โทรไปถามใหม่ว่าอยากตรวจต้องทำยังไง เจ้าหน้าที่ก็ถามอาการ ผมบอกไปว่าไม่มีอาการอะไร จมูกได้กลิ่น ยังทานอาหารอร่อย เจ้าหน้าที่จึงบอกว่างั้นไม่ต้องตรวจ เพราะสองอาการนี้เป็นอาการเด่นของโควิด ตอนนี้คือไม่มีความเสี่ยงเลย ก็เลยยังไม่ได้ตรวจ ผมก็เลยคิดว่าอ้าวจะเอาไงดี และได้รับคำแนนะว่าให้บอกไปเลยว่าสัมผัสใกล้ชิด จะได้เข้าตรวจ วันต่อมาผมจึงตัดสินใจไปโรงพยาบาล และบอกว่าสัมผัสใกล้ชิด สัมผัสกับผู้มีความเสี่ยงสูง แต่เพราะรู้ว่าถ้าไม่มีอาการก็จะไม่ได้ตรวจอยู่ดี จึงบอกไปว่ามีอาการไอเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จึงยอมให้ตรวจ

นายตำรวจ ยังได้บอกอีกว่า จริงๆการเข้าไปตรวจโควิดในโรงพยาบาลรัฐ ไม่ใช่ว่าเข้าไปตรวจได้ทุกคนเหมือนกัน จุดคัดกรองเขาคงไม่อยากให้เราซึ่งเป็นคนปกติ จะไปนั่งรวมกันในศูนย์ตรวจกับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง หายใจร่วมกันในห้องพื้นที่นั้น