กรณีกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ขอเรียกเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุหรือเบี้ยคนชราคืนย้อนหลัง ล่าสุดเจอผู้เสียหายเพิ่มเติมอีกหลายราย โดยที่ จ.สุโขทัย นางมาก ช่วยหลำ คุณยายวัย 86 ปี เป็นผู้ป่วยอัลไซเมอร์นอนติดเตียงมานานเกือบ 4 ปี กำลังเดือดร้อนเนื่องจาก ถูกอบต.บ้านหลุม อ.เมืองสุโขทัย เรียกคืนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุหรือเบี้ยคนชรา ย้อนหลังเป็นเวลาถึง 20 ปี รวมยอดเงินพร้อมดอกเบี้ย จำนวน 93,400 บาท หลังได้รับเงินบำเหน็จตกทอดจากกรณีที่ลูกชายเสียชีวิต ทำให้ทางครอบครัวเดือดร้อน เพราะไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาส่งคืน

ส่วนที่เชียงราย พบยายวัย 89 ปี ชาว ต.สันทราย อ.เมือง จ.เชียงราย ได้มีได้รับหนังสือจากเทศบาลตำบลสันทราย ให้คืนค่าเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ตามที่กรมบัญชีกลางแจ้งเป็นหนังสือมา เพราะถือว่าได้รับเงินซ้ำซ้อน เนื่องจาก นางฟอง ได้รับเงินบำนาญกรณีบุตรชายที่เคยเป็นทหารและเสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่จำนวน 99,200 บาท

ขณะที่บุรีรัมย์ กรณีของนางทิม สังข์สนิท อายุ 89 ปี อยู่ในข่ายที่ต้องเรียกเงินคืน จำนวนเงิน 121,800 บาท ทางครอบครัวก็พร้อมจ่ายคืนให้ แต่ขอให้ยายเหลือเงินพอใช้จ่ายได้ จึงตกลงจ่ายให้ อบต.เดือนละ 5,000 บาท โดยทางครอบครัวไม่ติดใจ เพราะเงินหลวงก็คือเงินหลวง เราต้องคืน

แต่ที่โคราช สภาทนายความเตรียมยื่นมือเข้าช่วยด้านกฎหมาย ให้กับกลุ่มของครอบครัวที่ถูกเรียกคืนเงินผู้สูงอายุ และถูกฟ้องศาลดำเนินคดี พร้อมยืนยันว่า เงินที่ได้มาเป็นลาภมิควรได้ ซึ่งผู้ที่ได้มาต้องใช้คืนเงินในส่วนที่เหลือ แต่หากไม่เหลือก็ไม่จำเป็นต้องใช้คืน ซึ่งคดีนี้สภาทนายความจังหวัดนครราชสีมาพร้อมให้การช่วยเหลือครอบครัวผู้สูงอายุในการต่อสู้คดี โดยที่ไม่ต้องมีการเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด เพื่อให้คดีนี้เป็นคดีตัวอย่าง

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/cOAE1S1aJ4A