จากคำสั่งให้ร้านอาหารเปิดให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหารได้ถึงเวลา 21.00 น. หากเลยเวลาดังกล่าวให้เปลี่ยนเป็นการซื้อกลับบ้าน เพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19

ทีมข่าวไปสำรวจตามร้านอาหาร โดยเฉพาะร้านข้ามต้มโต้รุ่ง ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพราะปกติแล้วมักจะไปเปิดร้านในช่วงเย็นไปจนถึงดึกตีหนึ่งตีสอง แต่จากคำสั่งทำให้ต้องหันมาคิดแก้ปัญหาและต้องปรับตัวอย่างมาก

เจ้าของร้านข้าวต้มเหลาซิก ย่านอ่อนนุช เล่าให้ฟังว่า ร้านได้รับผลกระทบมาตั้งแต่การระบาดในรอบแรกแล้ว เริ่มจะฟื้นตัวกลับมาได้บ้างช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่พอมีข่าวกลับมาระบาดอีกครั้งรายได้ก็ลดลงอีก และยิ่งล่าสุดเตรียมจำกัดเวลานั่งทานในร้าน ทำให้ต้องคิดหนัก เพราะปกติแล้วลูกค้าหลักเป็นกลุ่มที่ชอบมานั่งทานที่ร้าน และมาต่อเนื่องไปจนถึงช่วงดึก มาตรการที่ออกมาจึงส่งผลกระทบอย่างแน่นอน อีกทั้งเชื่อว่าจะหนักกว่าครั้งแรก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะแบกรับต้นทุนได้นานแค่ไหน เพราะลูกจ้างเองไม่เพียงได้ค่าจ้าง แต่ยังช่วยดูแลเรื่องที่พักและอาหาร

สิ่งที่อยากฝากหน่วยงานรัฐ เป็นไปได้อยากให้มีการขยับเวลาออกไปมากกว่านี้แล้วจึงค่อยประเมินสถานการณ์ เพราะไม่มีการพูดถึงมาตรการเยียวยาเลย เท่ากับทุกคนต่างต้องรับผิดชอบและดูแลตนเอง จึงอยากให้เห็นใจ ที่ผ่านมาทางร้านไม่เคยการ์ดตก และพร้อมปฏิบัติตามมาตรการมาโดยตลอด แต่กับการระบาดที่เกิดขึ้นมาจากคนบางกลุ่มที่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น

เช่นเดียวกับร้านข้ามต้มสมพงษ์ อ่อนนุช กล่าวว่า ภาครัฐมีเพียงแค่คำสั่งหรือมาตรการที่ออกมา แต่กลับไม่มีเรื่องของการเยียวยา การระบาดครั้งแรกได้รับผลกระทบมาอย่างหนักครั้งหนึ่งแล้ว แม้จะพยายามปรับตัวอาศัยช่องทางออนไลน์หรือเดลิเวอรี แต่ก็ไม่ได้เพิ่มรายได้มากเท่าไรนัก เพราะด้วยลักษณะของร้านและอาหารที่ให้บริการ ลูกค้าชอบและเลือกที่จะนั่งทานในร้านมากกว่า แต่ถึงอย่างก็เข้าใจสถานการณ์และพร้อมที่จะปฏิบัติตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/7scSz8sSUYU