'หนุ่ม กรรชัย' แจงหลังศาลรับฟ้องคดี ‘ดร.เซปิง’ ฟ้องหมิ่นประมาท ลั่นยังไม่มีใครผิด

สังคม

'หนุ่ม กรรชัย' แจงหลังศาลรับฟ้องคดี ‘ดร.เซปิง’ ฟ้องหมิ่นประมาท ลั่นยังไม่มีใครผิด

โดย

24 ก.ย. 2563

5K views

ศาลรับฟ้องคดี "ดร.เซปิง" ฟ้อง "หนุ่ม กรรชัย" กับพวก 7 คน หมิ่นประมาทปมจัดรายการพาดพิงคลินิกเสริมความงาม นัดตรวจหลักฐาน 16 พ.ย.นี้
วานนี้ (23ก.ย.63) ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดี อ.1693/2562 ที่ ดร.เซปิง ไชยศาสน์ อายุ 47 ปี ประธานโครงการศัลยกรรมความงามเฟซออฟ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายกรรชัย หรือ หนุ่ม กำเนิดพลอย พิธีกรทีวีรายการโหนกระแส ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 นายภิญโญภัทร์ ชิดตะวัน ทนายความ กับผู้เสียหายเหยื่อศัลยกรรม ที่มาออกรายการทั้งหมด 7 คน เป็นจำเลยฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยฟ้องเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญาเพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทนจำนวน 50 ล้านบาทด้วย
คดีนี้โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 3 ก.ค.2562 ระบุว่า โจทก์เป็นผู้ก่อตั้งโครงการเฟสออฟบายด๊อกเตอร์เซปิง ให้คำปรึกษาด้านศัลยกรรม หากใครจะทำก็จะแนะนำให้ไปทำกับโรงพยาบาลที่มีมาตรฐาน เมื่อวันที่ 4 เม.ย.2562 รายการโหนกระแสทางสถานีโทรทัศน์ช่องสาม ออกอาการรายการ "ภาค 2 เฟสออฟเปลี่ยนหน้าคนเป็นหน้าผี" มีนายกรรชัย เป็นพิธีกร เชิญจำเลยอื่นๆ มาร่วมรายการ
ลักษณะพูดถามกันไปมามีการวางแผนใส่ความโจทก์ แม้ไม่ระบุชื่อโจทก์แต่ใช้เทคนิคตั้งชื่อหัวข้อรายการเพื่อเชื่อมโยงให้เข้าใจว่าเป็นโจทก์ กับยังเอาข่าวที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล แถลงข่าวมาอ้างอิงในรายการ โดยมีเจตนาให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จึงขอให้ลงโทษฐานหมิ่นประมาท
อีกทั้งเมื่อมีข่าวและมีการออกอากาศ รายการออกไปทำให้แทบไม่มีคนมีใช้บริการโครงการดร.เซปิง หรือถูกยกเลิกนัดทั้งหมด ที่โจทก์วางแผนชีวิตทำธุรกิจ และจะลงสมัคร ส.ส. แต่ชื่อเสียงต้องมาจบสิ้น จึงฟ้องเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท
ในวันนี้ดร.เซปิง โจทก์พร้อมทนายความมาศาล ส่วนฝ่ายจำเลยมีทนายความและผู้รับมอบฉันทะ มาร่วมฟังคำสั่งในชั้นไต่สวนมูล
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว โจทก์เบิกความว่า จำเลยทั้ง 7 คนได้ร่วมกันใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์โดยการโฆษณา จากการร่วมกันพูดออกรายการ
 โดยนายกรรชัย จำเลยที่ 1 นำภาพวีดีโอการแถลงข่าวของเจ้าพนักงานตำรวจมาประกอบและอธิบายในรายการ ซึ่งมีทั้งชื่อ นามสกุลและภาพของโจทก์ในผังเชื่อมโยงที่เจ้าพนักงานตำรวจจัดทำขึ้น และเป็นภาพและเสียงที่ปรากฏอยู่ในสื่อมวลชนอย่างแพร่หลาย ที่มีการระบุชื่อ โจทก์อย่างชัดเจนในการแถลงข่าวดังกล่าวมีจำเลยหลายคนไปร่วมและมอบดอกไม้ด้วย
ทั้งนี้จำเลยทั้ง 7 คน มีเจตนาที่จะสื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจและทราบว่าบุคคลที่ถูกกล่าวถึงในรายการ คือ ตัวโจทก์ โดยมีเจตนาใส่ความ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง โดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ซึ่งในชั้นนี้การถามค้านของจำเลยทั้ง 7 คน ยังไม่เพียงพอที่จะนำมาหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ เห็นว่าคดีของโจทก์มีมูลและให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา และนัดตรวจพยานหลักฐาน สอบคำให้การเพื่อกำหนดนัดสืบพยานในวันที่ 16 พ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
 ดร.เซปิง ประธานโครงการศัลยกรรมความงามเฟซออฟ เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจที่ศาลมีคำสั่งว่าคดีมีมูลความผิด ตามที่ยื่นฟ้องไป เพราะที่ผ่านมาตนได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียทั้งชื่อเสียงและด้านธุรกิจ มูลค่าหลายร้อยล้านบาท
ขณะที่ นายพสิษฐ์ เลิศสินเจริญกุล ทนายความจำเลย เปิดเผยว่า ศาลได้ตรวจพยานหลักฐานเบื้องต้น เห็นว่าคดีมีมูลจึงรับฟ้องและนัดสอบคำให้การในวันที่ 16 พ.ย.นี้ นอกจากนี้ศาลจะออกหมายเรียกจำเลยทั้ง 7 คน มาสอบคำให้การต่อไป สำหรับการต่อสู้คดีนั้นตนยืนยันว่ามีหลักฐานที่เตรียมไว้จำนวนมาก เนื่องจากมีผู้เสียหายเดินทางไปแจ้งความไว้แล้วที่สน.ลุมพินี ซึ่งคดีนั้นก็เป็นคดีที่ศาลเห็นว่ามีมูลและรับคำฟ้องไว้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นายพสิษฐ์ ยอมรับว่า ยังมีเรื่องที่น่าเป็นกังวลอยู่ คือเรื่องที่มีผู้เสียหายที่เป็นจำเลยคดีนี้หลายราย พำนักอยู่ต่างประเทศจึงเกรงว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางเข้ามาประเทศไทย เพราะขณะนี้มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ขณะที่ หนุ่มกรรชัย เผยว่าในวันที่ดำเนินรายการโหนกระแส ซึ่งเป็นรายการที่เป็นกระบอกเสียงให้ประชาชน ซึ่งมีคนมาร้องเรียนโดยได้พูดในขอเท็จจริงของผู้ที่ได้มาร้องเรียน ซึ่งตนในฐานะผู้ดำเนินรายการจึงได้ทำถึงปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น อีกทั้งเรื่องดังกล่าวได้เกิดเป็นประเด็นที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเรื่องเข้าไปดำเนินการ ซึ่งหลังจากนั้นเอง ดร.เซปิง ก็เข้าและอาจจะมองว่ามีส่วนผัวผันมาถึงตน จนทำให้ตัว ดร.เซปิง ไม่สบายใจจึงมีสิทธิ์ไปร้องกับศาล เพื่อขอความเป็นธรรม ซึ่งในขั้นตอนแรกคือการไต่สวนมูลฟ้อง ซึ่งในตอนนั้นศาลก็ได้รับพิจารณาต่อเนื่อง 
ขณะที่ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องตามกฏหมาย ซึ่งโจทก์จะเป็นฝั่งเบิกความอย่างเดียว ส่วนในมุมมองของจำเลยทางทนายจะทำหน้าที่ไปถามค้านให้ ซึ่งฝั่งตนก็ยังไม่ได้ไปชี้แจ้งข้อเท็จจริงต่างๆ ซึ่งในขั้นต้นการไต่สวนมูลฟ้องจะมีเพิ่งเฉพาะโจทก์เท่านั้นที่ไปเบิกความ ส่วนทางจำเลยยังคงไม่ต้องไป จนกว่าศาลจะรับไว้พิจารณา จากนั้นจำเลยจะเดินทางไปศาลตามขั้นตอน 
ทั้งนี้ยืนยันว่าตนพร้อมที่จะไปชี้แจ้งตามคำสั่งศาล ทั้งนี้จำเลย ทั้ง 7 คนยังไม่มีความผิดเพราะศาลยังไม่ได้ตัดสิน เป็นเพิ่งแค่เข้าสู่การเข้าพิจารณเท่านั้น 
ชมผ่านยูทูบที่นี่ : https://youtu.be/edgKLcKJGiw

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ