ต่างประเทศ
แฉอิสราเอล ใช้อาวุธอันตราย 'ฟอสฟอรัสขาว' รุกโจมตี - เผยยอดเสียชีวิตแล้วกว่า 2.8 พันคน
13 ต.ค. 2566
269 views
องค์การฮิวแมน ไรท์ วอทช์ (Human Rights Watch) เผยกองทัพอิสราเอลใช้ระเบิดฟอสฟอรัสขาว (White Phosphorus) ในการโจมตีฉนวนกาซาและเลบานอน เสี่ยงทำให้พลเรือนทั่วไปได้รับบาดเจ็บร้ายแรง ล่าสุด ใน 2 ดินแดน มีผู้เสียชีวิตกว่า 2,800 คน
องค์การฮิวแมน ไรท์ วอทช์ (Human Right Watch) ได้ตรวจสอบคลิปวิดีโอการโจมตีของอิสราเอลในเลบานอนกับฉนวนกาซา แล้วพบว่า มีการระเบิดของฟอสฟอรัสขาวที่ยิงด้วยปืนใหญ่หลายครั้งเหนือท่าเรือในฉนวนกาซาและชนบทใกล้กับพรมแดนระหว่างอิสราเอลกับเลบานอน
ระเบิดฟอสฟอรัสขาวจัดเป็นอาวุธเคมีอันตรายเมื่อเกิดระเบิดจะกระจายตัวออก แล้วติดไฟทันทีเมื่อสัมผัสกับออกซิเจน ฟอสฟอรัสขาวสามารถติดไฟได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการเผาไหม้รุนแรงและลุกลามไว
เมื่อติดไฟแล้วจะดับยากมาก เพราะฟอสฟอรัสขาวสามารถเกาะติดได้ดีบนพื้นผิวหลายชนิด แม้กระทั้ง ผิวหนังของมนุษย์ ซึ่งไฟจากฟอสฟอรัสขาวมีความร้อนถึง 815 องศาเซลเซียส ถ้าถูกผิวหนังก็สามารถไหม้จนถึงกระดูกได้เลย
นอกจากนี้ ควันจากฟอสฟอรัสขาว ยังทำให้เกิดการระคายเคืองต่อดวงตาและระบบทางเดินหายใจอย่างรุนแรงรวมถึง สามารถทำให้อวัยวะภายในล้มเหลว
ในระยะยาว ระเบิดฟอสฟอรัสขาวอาจทำให้การเคลื่อนไหวบกพร่อง และส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต ดังนั้น ทางฮิวแมน ไรท์ วอทช์ (Human Right Watch) จึงกังวลว่าการใช้อาวุธอันตรายนี้จะเป็นอันตรายต่อพลเรือนทั่วไป
ก่อนหน้านี้ อิสราเอลเคยใช้ระเบิดฟอสฟอรัสขาวมาโจมตีฉนวนกาซามาแล้ว เมื่อปี 2552 ซึ่งองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนกล่าวหาว่าเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม
ทั้งนี้ อาวุธดังกล่าวไม่ถูกห้ามว่าเป็นอาวุธเคมีภายใต้อนุสัญญาระหว่างประเทศ แต่ถือเป็นอาวุธก่อเพลิง (Incendiary Weapon) ในพิธีสารฉบับที่ 3 ของอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้อาวุธตามแบบบางประเภท ซึ่งมีการห้ามใช้อาวุธเพลิงโจมตีเป้าหมายทางทหารที่อยู่ท่ามกลางพลเรือน แต่อิสราเอลไม่ได้ลงนามในอนุสัญญานี้
อย่างไรก็ตาม กองทัพอิสราเอลออกมาปฏิสเสธข้อกล่าวหา โดยบอกว่า ปัจจุบัน ทางกองทัพยังไม่ทราบเรื่องการโจมตีด้วยอาวุธฟอสฟอรัสขาวในฉนวนกาซา และไม่พูดถึงเรื่องการโจมตีในเลบานอน
ส่วนในวันที่ 7 ของการสู้รบ กองทัพอิสราเอลประกาศขีดเส้นตาย 24 ชั่วโมงให้ประชาชน 1 ล้าน 1 แสนคน ที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา เหนือเขตวาดีกาซา (Wadi Gaza) อพยพลงไปทางใต้
กองกำลังป้องกันอิสราเอล หรือ IDF ระบุว่า นักรบฮามาสกำลังแอบซ่อนตัวอยู่ในอุโมงค์ใต้ดิน และในอาคารที่มีพลเรือนอาศัยอยู่ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและครอบครัว พลเรือนควรที่จะอพยพออกจากเมือง พร้อมกับอยู่ให้ห่างจากนักรบฮามาสเพราะอาจถูกใช้เป็นโล่กำบังได้
คำประกาศดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า อิสราเอลอาจเปิดปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดินในฉนวนกาซาเร็ว ๆ นี้ ซึ่งตอนนี้ อิสราเอลมีทหารประชิดพรมแดนฉนวนกาซาประมาณ 3 แสนนาย
อย่างไรก็ดี องค์การสหประชาชาติออกมาคัดค้านและเรียกร้องให้อิสราเอลยกเลิกคำสั่ง เนื่องจากการอพยพประชาชนจำนวนมากไม่สามารถทำได้ภายในเวลาอันสั้น และหากโจมตี อาจทำให้เกิดวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมที่เลวร้าย แต่ในเวลาต่อมา ฝั่งอิสราเอลบอกว่าคำสั่งอพยพ มีจุดประสงค์เพื่อปกป้องผู้บริสุทธิ์ และพลเรือนไม่ใช่ศัตรูของพวกเขา
ทางกลุ่มฮามาสประกาศบอกประชาชนว่า ไม่ต้องฟังคำสั่งของอิสราเอล เพราะเป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อ จึงเรียกร้องชาวปาเลสไตน์ว่า "อย่าไปสนใจ" ทั้งนี้ กลุ่มฮามาสถูกประชาคมโลกวิจารณ์มาโดยตลอดว่า ใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์เพื่อปกป้องตัวเอง ทำให้ผู้บริสุทธิ์หลายคนตกอยู่ในอันตราย
ล่าสุด การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมแล้ว 2,837 คน อยู่ในอิสราเอล 1,300 คน และฉนวนกาซา 1,537 คนซึ่งในจำนวนนี้ เป็นเด็ก 500 คน ผู้หญิง 276 คน นอกจากนี้ ยังมีชาวปาเลสไตน์ต้องแตกฉานซ่านเซ็นออกจากบ้านเรือน 4 แสน 2 หมื่น 3 พัน 378 คน คิดเป็น 21% ของประชากรทั้งหมดในฉนวนกาซา
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Rnip6Hej_WY
แท็กที่เกี่ยวข้อง แรงงานไทยในอิสราเอล ,สงครามอิสราเอล ,แฉอิสราเอล ,รุกโจมตี ,โจมตีหนัก