“เฮงเค็ล” ชูไทยต้นแบบโรงงานอัจฉริยะ ขานรับโลกดิจิทัล-อุตสาหกรรม 4.0 มุ่งสู่ความยั่งยืน

เฮงเค็ล เดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรม 4.0 พร้อมเคลื่อนทัพธุรกิจขานรับโลกดิจิทัลและเทคโนโลยี ด้วยการนำระบบโรงงานอัจฉริยะมาใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าคุณภาพครบวงจร มุ่งสู่ความเป็นเลิศ สร้างอนาคตที่มีจุดมุ่งหมายสำหรับคนรุ่นต่อไป พร้อมลุยพันธกิจการใช้พลังงาน ลดการใช้น้ำ ลดการเกิดของเสียในทุกโรงงาน เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนภายในปี 2573

• เร่งเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันด้วยการใช้นวัตกรรมใหม่ในการสร้างคุณค่าแก่ลูกค้า-พันธมิตรธุรกิจ-ผู้บริโภค  

• เน้นกระบวนการดิจิทัล เพื่อบูรณาการขั้นตอนการทำงานและระบบให้เชื่อมต่อ เริ่มตั้งแต่กระบวนการผลิต โลจิสติกส์ บริการ บุคลากร การวางแผนทรัพยากรองค์กร เพื่อให้วงจรการผลิตสั้นลง ตอบสนองความต้องการลูกค้าแบบเรียลไทม์  

• สร้างความยั่งยืนภายในปี 2573 ที่คำนึงถึงการสร้างสภาพภูมิอากาศ ลดการใช้พลังงาน ลดการใช้น้ำและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อสร้างโลกใบใหม่ที่ยั่งยืน

นายแอนเดรียนโต้ จายาเปอร์นา ประธาน บริษัท เฮงเค็ล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เฮงเค็ลเป็นบริษัทรายแรกๆของประเทศไทยที่พัฒนาและนำระบบโรงงานอัจฉริยะมาใช้ตั้งแต่ปี 2558 เพื่อทดแทนการบันทึกข้อมูลด้วยกระดาษ ผ่านระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) และ ซอฟต์แวร์ SAP ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรที่ทำให้เกิดการพัฒนาระบบ คุณภาพ และผลผลิต เพื่อสร้างแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่สมบรูณ์แบบด้วยการทำงานร่วมกันอย่างชัดเจน ครอบคลุมกระบวนการแบบครบวงจร รวมไปถึงการติดตามข้อมูลในแผนกต่าง ๆ ขณะเดียวกันยังช่วยให้เห็นข้อจำกัดในกระบวนการผลิตได้ง่ายขึ้น เพื่อขับ เคลื่อนการพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกันยังใช้กระบวนการในการดำเนินธุรกิจแบบดิจิทัลและเทคโนโลยีในอุตสาหกรรม 4.0 เพื่อเสริมสร้างความเป็นเลิศทางด้านการผลิต และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า พันธมิตรธุรกิจ และผู้บริโภค โดยเฉพาะในโรงงานผลิตเทคโนโลยีกาวอัจฉริยะบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา มีการนำระบบเครื่องจักรกลอัตโนมัติ เครื่องสแกนอัจฉริยะ รวมไปถึงการวิเคราะห์ข้อมูลที่ช่วยในการจัดการห่วงโซ่คุณค่าการผลิตตั้งแต่วัตถุดิบไปจนถึงผลิตภัณฑ์เสร็จสำเร็จรูป  รวมไปถึงการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาที่โรงงานบางปะกง เพื่อลดการใช้พลังงาน ลดการใช้น้ำและการเกิดของเสีย โดยได้ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับโลก ทั้ง ISO 9001 ISO 14001  ISO 45001 และ IATF 16949  ซึ่งมาตรฐานดังกล่าวยังสอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจของเฮงเค็ล ที่ยึดมั่นในเป้าหมายที่จะให้สิ่งที่ดีแก่ผู้คนและสร้างอนาคตสำหรับคนรุ่น โดยมีพันธกิจในการเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน เพื่อส่งเสริมกระบวนการทำงาน ที่คำนึงถึงการสร้างสภาพภูมิอากาศเชิงบวก  

โรงงานเทคโนโลยีกาวของเฮงเค็ลที่บางปะกง ได้รับรางวัลธงขาว-ดาวเขียว (Green Star) ประจำปี 2566 ในด้านการบริหารจัดการตามนโยบายเพื่อสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย จากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ถือเป็นการตอกย้ำพันธกิจของเฮงเค็ลที่มุ่งสู่ความยั่งยืน และสอดคล้องกับโครงการริเริ่มของรัฐบาลที่สนับสนุนให้ภาคเอกชนร่วมปฏิบัติที่มุ่งความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน โดยกนอ. มอบรางวัลให้กับโรงงาน 154 แห่ง ใน 32 พื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งมีการบริหารจัดการทางสิ่งแวดล้อมและผลการประเมินประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยม โดยทุกโรงงานผ่านการประเมินด้วยมาตรฐานตรวจสอบระดับสากล ครอบคลุมทั้ง 5 มิติหลัก ประกอบไปด้วย การบริหารจัดการพื้นที่สีเขียว ระบบระบายน้ำ การสนับสนุนในระดับชุมชนและท้องถิ่นการบริหารจัดการน้ำและของเสีย ข้อกำหนดเกี่ยวกับสารอินทรีย์ระเหยง่ายและการดูแลคุณภาพอากาศ ความปลอดภัยและสุขภาพของพนักงาน การจัดการต่อสถานการณ์ต่าง ๆ การรับมือกับความคิดเห็นของประชาชน คุณภาพชีวิตของพนักงานในโรงงานและชุมชนที่อยู่ในละแวกโรงงาน รวมถึงการบริหารจัดการโรงงานโดยรวมอีกด้วย

นอกจากนี้เฮงเค็ล ประเทศไทย ยังเดินหน้าให้ความสำคัญกับการเพื่อเพิ่มทักษะให้กับพนักงานในอนาคต โดยได้สร้างวัฒนธรรมในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและทุ่มเทให้เกิดการพัฒนาบุคลากร ผ่านศูนย์การเรียนรู้เฮงเค็ล ที่ช่วยเพิ่มทักษะและศักยภาพให้กับพนักงานเพื่อให้เติบโตไปพร้อมกับบริษัทฯ เช่น การนำเทคโนโลยีจาก  Linkedin Learning, Ted Talks และ CrossKnowledge มาใช้เสริมทักษะ เป็นต้น

“ที่ผ่านมาวัฒนธรรมการทำงานที่เปลี่ยนไป ได้ผลักดันให้รูปแบบของการทำงานต้องมีความรวดเร็ว และยืดหยุ่น ด้วยหลักการแบบ “test-and-learn” ด้วยเหตุนี้ เฮงเค็ลจึงให้โอกาสพนักงานในการพัฒนาทักษะตัวเอง เช่น การจัดสัมมนาออนไลน์และโปรแกรมวิดีโอ ในบางกรณีโปรแกรมแบบที่สร้างสภาพสิ่งแวดล้อมเสมือนจริง (AR) และแบบผสมผสานระหว่างสภาพแวดล้อมจริงกับสิ่งที่จำลองขึ้น (VR) สามารถช่วยในการสร้างความรู้สึกที่แท้จริงให้กับพนักงงานเกี่ยวกับกระบวนการทำงานภายในโรงงานตั้งแต่ต้นจนจบ” นายแอนเดรียนโต้ กล่าวในที่สุด