ประชาสัมพันธ์
สสส.-ทูลมอโร เปิดตัวโครงการ “คุณเปลี่ยน ลูกเปลี่ยน” ชวนพ่อแม่ที่มีปัญหา “ลูกติดมือถือ” อบรมออนไลน์ลดห่างเหิน เพิ่มเวลาคุณภาพ
12 ส.ค. 2563
2.2K views
สสส.จับมือทูลมอโร เปิดตัวโครงการ “คุณเปลี่ยน ลูกเปลี่ยน” ชวนพ่อแม่ที่มีปัญหา “ลูกติดมือถือ” อบรมออนไลน์สร้างสมดุลใช้มือถือในเด็กแต่ละช่วงวัย ลดห่างเหิน เพิ่มเวลาคุณภาพ
วันที่ 12 ส.ค. นางสาวณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวในงานเปิดตัวโครงการ“คุณเปลี่ยน ลูกเปลี่ยน” ระบบการเรียนรู้ออนไลน์สำหรับผู้ปกครองที่มีลูกหลานติดมือถือว่า ข้อมูลจากรายงานจับตาทิศทางสุขภาพคนไทยปี 2563 (ThaiHealth Watch) สสส. พบว่า ประเด็นสุขภาพเด็กและเยาวชนที่มาแรง คือ การเสพติดออนไลน์ ภัยคุกคามออนไลน์ และการติดเกม สอดคล้องกับข้อมูลจากสถาบันจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ พบว่า เด็กเเละเยาวชนไทยใช้ชีวิตอยู่หน้าจอมากกว่าสถิติโลก คือ 35 ชม./สัปดาห์ ซึ่งปกติ ไม่ควรเกิน 16 ชม/สัปดาห์ จากการสำรวจเด็กวัย 6 – 18 ปีจำนวนกว่า 15,000 คนพบว่าร้อยละ 61 มีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเกมออนไลน์เพราะเล่นเกมมากกว่า 3 ชั่วโมง/วัน และจากเกมออนไลน์จะนำพาเด็กและเยาวชนไปสู่ความเสี่ยงอื่นๆ อย่างการพนัน ความรุนแรง

แนวทางแก้ปัญหาหนึ่งคือ สร้างความเข็มแข็งอบอุ่นให้แก่ครอบครัว มีสัมพันธภาพที่ดีไม่ห่างเหิน มีเวลาคุณภาพร่วมกัน ซึ่งในปี 2562 สสส.ร่วมกับ บริษัททูลมอโร พัฒนานวัตกรรมเพื่อส่งเสริมศักยภาพด้านการสื่อสารผ่าน Online Platform สำหรับผู้ปกครองที่มีลูกหลานวัยรุ่น จนเกิดรายการ “รอลูกเลิกเรียน” มีการเก็บผลการศึกษาพบว่า ปัญหาลูกติดมือถือเป็นประเด็นที่พ่อแม่ผู้ปกครองกังวลและอยากแก้ไขมากที่สุด จึงต่อยอดโครงการ “คุณเปลี่ยน ลูกเปลี่ยน”กับภาคีเครือข่าย ได้แก่ สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข คณะจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น ศิริราชพยาบาล คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, วิทยาลัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ช่วยสร้างความเข้าใจและหาแนวทางในการแก้พฤติกรรมติดการใช้ผ่านวิธีการที่เหมาะสม
“เยาวชนยุคนี้ เป็นชาวดิจิตอลโดยกำเนิด (Digital Native) โตมากับคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และอินเทอร์เน็ต ทั้งเพื่อความบันเทิงและเพื่อการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม ทำการบ้าน ค้นหาข้อมูลสินค้า และกิจกรรม ติดต่อสื่อสารกับสังคมโดยรอบผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ จึงถือเป็นความท้าทายของผู้ปกครองในปัจจุบัน ที่จะสอนให้เด็กๆ รู้จักการสร้างสมดุลในเรื่องของการใช้อุปกรณ์จอใสเหล่านี้” นางสาวณัฐยา กล่าว
ทั้งนี้ นพ.ศิริไชย หงษ์สงวนศรี อาจารย์ประจำภาควิชา จิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ปัจจุบันการใช้เทคโนโลยีมือถือ รวมถึงอินเตอร์เน็ต ของเด็กนั้นมีแนวโน้มที่เยอะขึ้นตามสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของสังคม โดยรวมเด็กอยู่กับหน้าจอนาน 6-7 ชม./วัน ซึ่งในยุคปัจจุบันเด็กจะใช้ในการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ต่างๆ แต่ในขณะเดียวกันข้อเสียหลักคือการที่เด็กบางคนใช้เยอะจนกระทั่งถึงขั้นที่เรียกว่าติด จากการสำรวจพบว่าเด็กที่อยู่ในข่ายติดมือถือเยอะถึง 20 - 30 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับมีแนวโน้มที่จะเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสาเหตุหลักในการติดมือถือของเด็กมาจากการติดใช้อินเทอร์เน็ต สังคมออนไลน์ เกมส์ รวมไปถึงสื่อลามกด้วย และการติดมือถือนั้นยังส่งผลระยะยาวถึงสุขภาพกายและจิตใจ
แพทย์หญิงวิมลรัตน์ วันเพ็ญ รองผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กล่าว่า สำหรับอาการของการติดมือถือนั้น ไม่มีโรคติดมือถือแต่จะเป็นโรคติดเกมส์ และปัจจุบันเกมส์ส่วนใหญ่ก็อยู่ในมือถือ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเวลาที่หมอรักษาคนไข้จริงก็จะดูเป็นภาพรวมว่าการติดของเด็กว่าตอนนี้ติดอะไร ซึ่งอาการหลักๆ ที่เป็นเกณฑ์มาตฐาน มีอยู่ 3 ข้อ คือ 1 การควบคุมตนเอง ซึ่งเด็กไม่สามารถควบคุมตนเองได้ อยากที่จะคุยอยู่ตลอดเวลา 2. การให้ความสำคัญ อธิบายคือมือถือหรือการเล่นเกมส์จะมาอันดับหนึ่ง เด็กจะให้ความสนใจมากกว่าเรื่องเรียน 3. รู้ว่ามีผลกระทบจากการใช้แต่ยังคงใช้ต่อไป เช่นใช้จนกระทั่งไม่หลับทั้งคืน ตื่นเช้าไปโรงเรียนไม่ทัน ทำงานไม่ทันแต่ก็ยังคงใช้ต่อไป
ซึ่งเมื่อเวลาที่พ่อแม่มาปรึกษา อันดับแรกต้องถามก่อนว่าเด็กดูอะไร มีความถี่มากน้อยขนาดไหน ดูแล้วส่งผลกระทบยังไงกับชีวิตเด็กบ้าง และพ่อแม่ได้จัดการรับมือเบื้องต้นไปอย่างไรแล้วบ้าง อะไรที่ทำแล้วทั้งสองฝ่ายโอเค หรืออะไรที่ทำแล้วทะเลาะกันบ้าง มีปัญหาอื่นๆ อะไรเพิ่มขึ้นมาอีกหรือไม่ ทั้งหมดคือการประเมินในการรักษา ทั้งนี้พฤติกรรมของพ่อกับแม่ก็นับว่ามีผลต่อพฤติกรรมของลูกพอสมควร เพราะบางทีลูกก็เห็นพ่อแม่ใช้มือถือบ่อยเหมืนกัน ก็จะทำให้เขารู้สึกว่าทำไมจะทำบ้างไม่ได้ ดังนั้นถ้าหากจะมีการกำหนดเวลากการใช้ แล้วพ่อแม่ร่วมทำด้วยก็ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดี
นายสุรเสกข์ ยุทธิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งบริษัท ทูลมอโร จำกัด กล่าวว่า ระบบการเรียนรู้ออนไลน์ คุณเปลี่ยนลูกเปลี่ยน เป็นระบบการอบรมเพิ่มศักยภาพการสื่อสารของครอบครัวผ่าน Platform Online โดยครั้งนี้โครงการฯ ใช้เทคโนโลยีช่วยพัฒนาระบบจนสามารถรองรับการอบรมได้ถึง 600 คน วัตถุประสงค์เพื่อให้มีทักษะความรู้ความเข้าใจ เทคนิควิธีการสื่อสารกันในครอบครัว เกิดความอยากที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเด็นการใช้โทรศัพท์มือถือ สร้างแรงบันดาลใจผ่านรายการ Livestream ที่แสดงให้เห็นว่าวิธีการสื่อสารที่ใช้แก้ปัญหานั้นไม่ยุ่งยาก ไม่ซับซ้อนและสามารถนำไปใช้ได้จริง พร้อมมีกิจกรรมอบรมส่งเสริมทักษะด้านการสื่อสารออนไลน์ (Self-Help Group) ออกแบบหลักสูตรฝึกอบรมเรื่องทักษะการสื่อสารภายในครอบครัวผ่านการเรียนรู้ในรูปแบบออนไลน์ เปิดห้องเรียนออนไลน์ (กรุ๊ปไลน์) เป็นเวลา 9 วัน วันละ 1 ชั่วโมง เหมาะกับเด็กในแต่ละช่วงวัย ได้แก่ คอร์สสำหรับผู้ปกครองเด็กปฐมวัย (แรกเกิด – 6 ปี) คอร์สสำหรับผู้ปกครองที่ดูแลเด็กประถม (7 – 12 ปี) คอร์สสำหรับผู้ปกครองที่ดูแลเด็กวัยรุ่น (13 – 18 ปี)
โดยได้รับความร่วมมือจากมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว และผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมเด็กและครอบครัว ได้แก่ รศ.นพ.ศิริไชย หงษ์สงวนศรี อาจารย์สาขาจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี,รศ.นพ.ชาญวิทย์ พรนภดล หัวหน้าสาขาวิชาจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และ พญ.วิมลรัตน์ วันเพ็ญ รองผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต ผู้สนใจสามารถติดตามรับชมและเข้าร่วมโครงการได้ที่ https://www.facebook.com/toolmorrow
.jpg)
แท็กที่เกี่ยวข้อง