เลือกตั้งและการเมือง

เปิดคำสั่ง ผบ.ทบ. สั่งงัดมาตรการ เปิด-ปิดด่าน จากเบาไปหนัก ตอบโต้กัมพูชา

โดย passamon_a

8 มิ.ย. 2568

151 views

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ลงนามในคำสั่งกองทัพบก ที่ 806/2568 เรื่อง ควบคุมการเปิด-ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา


โดยที่ปรากฏว่าในห้วงเวลาที่ผ่านมาได้เกิดความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติขึ้นตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยพลเรือนและกําลังติดอาวุธของฝ่ายกัมพูชาได้รุกล้ำแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ข้ามเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหลายครั้งอย่างต่อเนื่อง และแสดงท่าทีที่พยายามให้เกิดความเข้าใจว่าพื้นที่ตนรุกล้ำเข้ามานั้นเป็นของกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลงเคารพธงชาติ การติดอาวุธเข้ามาในพื้นที่ ทั้งที่ชัดเจนว่าดินแดนที่รุกล้ำเข้ามานั้นเป็นของราชอาณาจักรไทยโดยสมบูรณ์


ซึ่งกองทัพบกได้สั่งการให้กําลังพลเข้าระงับเหตุโดยการเจรจาชี้แจงเหตุผลให้ทราบ และผลักดันให้บุคคลดังกล่าวออกไปเสียให้พ้นจากราชอาณาจักรไทย ตามหลักสันติวิธีและด้วยความอดทนอดกลั้นต่อการยั่วยุของฝ่ายตรงข้าม แต่พลเรือนและกําลังติดอาวุธของฝ่ายกัมพูชาก็ยังพยายามที่จะรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักร และแสดงท่าทียั่วยุโดยไม่หยุดยั้งและอย่างเปิดเผย เกิดความตึงเครียดขึ้นตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และต่อประชาชนของทั้งสองประเทศที่มีความสัมพันธ์อันดีมายาวนาน


จนกระทั่งมีความจําเป็นอย่างยิ่งที่กองทัพบกต้องใช้มาตรการเข้มข้น ในการผลักดันผู้รุกรานให้พ้นไปเสียจากราชอาณาจักรไทย โดยเฉพาะที่บริเวณช่องบก อําเภอนํายืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งถือเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ ผลประโยชน์ของชาติ และบูรณภาพแห่งดินแดนที่ไม่อาจยอมรับได้ แม้รัฐบาลไทยและกองทัพบกจะได้ใช้ความพยายามอย่างยิ่งที่จะระงับยับยั้งความตึงเครียดตามแนวชายแดนโดยใช้กลไกที่มีตามที่ตกลงกันไว้กับกัมพชา แต่ความพยายามดังกล่าวกลับไม่ได้รับการตอบสนองในเชิงบวกจากฝ่ายกัมพูชา ทั้งยังปรากฏด้วยว่า กัมพูชาได้เสริม กําลังพลและอาวุธและยุทโธปกรณ์เข้ามาประชิดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อีกเป็นจํานวนมาก มีการจัดทําที่มั่นสําหรับวางกําลังทางทหาร อันแสดงให้เห็นถึงความไม่ร่วมมือกับประเทศไทยที่มุ่งหมายจะระงับความตึงเครียดดังกล่าวโดยสันติ และเป็นพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้อง บนสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2519 (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia, 24 February 1976)


อันความตึงเครียด และการเสริมกําลังพลและอาวุธยุทธโธปกรณ์ แสดงให้เห็นความตั้งใจอย่างชัดเจนที่จะใช้กำลัง เช่นนี้ถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่อาจยอมรับได้และเป็นภัยคุกคามอย่างยิ่งต่ออธิปไตย และความมั่นคงของชาติ บูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย และกระทบต่อความเป็นอยู่โดยปกติสุขของพี่น้องชาวไทยและกัมพูชาที่อยู่อาศัยร่วมกันอย่างสันติตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มาช้านาน


อย่างไรก็ดี ประเทศไทยยังคงยึดมั่นหลักการอยู่ด้วยกันอย่างสันติ และแสวงหาหนทางระงับยับยังความตึงเครียดด้วยการเจรจากันด้วยเหตุผล ภายใต้หลักการที่ต้องดูแลพี่น้อง ประชาชนชาวไทยและกัมพูชา ไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนเกินสมควรจากความตึงเครียดนั้น ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น สภาความมั่นคงแห่งชาติ ในการประชุมเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 จึงได้มอบหมายให้กองทัพบกดําเนินการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ กับมอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามที่กองทัพบกกําหนดโดยเคร่งครัด เพื่อให้ด้าเนินการเป็นไปตามที่ได้รับมอบหมายจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ ดังกล่าว


กองทัพบกจึงกําหนดมาตรการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ดังต่อไปนี้ กองทัพภาคที่ 1 โดยผู้บัญชาการกองกําลังบูรพา และกองทัพภาคที่ 2 โดยผู้บัญชาการกองกําลังสุรนารี มีอำนาจกําหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขหรือ เงื่อนเวลาที่จําเป็นและเหมาะสมในการผ่านแดนบริเวณจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ในส่วนที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ โดยคํานึงถึงความจําเป็นในการทํามาค้าขาย และความเป็นอยู่ของประชาชนของทั้งสองประเทศที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว


ทั้งนี้ หากมีความจําเป็น เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย และการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย ให้มีอำนาจกําหนดให้เปิดหรือปิดจุดผ่านแดนแห่งใดแห่งหนึ่ง หรือทุกแห่งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ภายใต้เงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาใด ตามที่เหมาะสมก็ได้


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/y_qPrgzFW74

คุณอาจสนใจ

Related News